วันที่ 31 ตุลาคม ที่โรงแรมบัดดี้โอเรียนทอล ริเวอร์ไซด์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งจะการเปิดโรงเรียนและมีการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้ามานั้น ถือว่าอยู่ในจุดที่เราจะต้องทำแล้ว ซึ่งมั่นใจว่าวัคซีนที่จัดสรรและฉีดให้กับประชาชนมีความครอบคลุม คนที่ฉีดวัคซีนแล้วจะลดการป่วยหนัก ลดการเสียชีวิตได้ ขณะเดียวกันก็มีการเตรีมความพร้อมทางด้านยา และเวชภัณฑ์เอาไว้รองรับ ด้วยซึ่งขณะนี้มีการพัฒนาระบบกักตัวที่บ้าน และชุมชน (Home Isolation/Community Isolation) เข้ามาเสริม ก็จะช่วยบรรเทาเรื่องเตียง ทำให้มีเตียงมีรพ.รองรับผู้ติดเชื้อมีอาการสีเหลือง และสีแดง
“ปีที่แล้ว เราไม่มีวัคซีนก็ยังผ่านมาได้ ตอนนี้เรามีวัคซีนแล้ว วัคซีนก็กำลังทำงานของมันอย่างเต็มที่ บวกกับการที่เราทุกคนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคขั้นสูงสุด คือสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ เชื่อว่าจะมีความปลอดภัยมากขึ้น วันนี้ความพร้อมของรัฐบาลมีเต็มที่ แต่ถ้าได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการประกอบกิจการ กิจกรรมที่ดีเราก็จะเดินหน้าไปได้” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว มีรายงานการติดเชื้อมากขึ้น จะกระทบกับแผนการเปิดเรียน เปิดประเทศให้คนเดินทางในพื้นที่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่กระทบ ซึ่งเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนก็ลงไปดูพื้นที่เชียงใหม่และมีการพูดคุยกับทางผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกท่านมีความเข้าใจดี ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนจำนวนมาก ประชากรมีประมาณ 1.7 ล้านคน ขณะนี้ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 1.2 ล้านคน ขณะนี้ทางผู้ว่าฯ ได้ปรับแผนการฉีดวัคซีนให้ได้มากกว่า 70-100% กระทรวงก็พร้อมสนับสนุน ล่าสุดได้ส่งวัคซีนลงไปอีกกว่า 7 แสนโดส ทางจังหวัดก็จะเร่งทยอยฉีดในเดือน พ.ย.นี้ บวกกับมาตรการโควิด ฟรีเซตติ้ง ทุกฝ่าย ทั้งประเทศ เชื่อว่าจะลดความเสี่ยงลงไปได้มาก ทั้งนี้ขอว่าอย่าทำผิดหลัก ผิดมาตรการทางด้านสาธารณสุข หากเข้าใจเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิดก็จะปลอดภัยมากขึ้น โอกาสเกิดสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดก็จะลดลง รัฐบาลตัดสินใจแล้วว่าจะทยอยเปิดประเทศเพื่อให้ปัญหาอื่น ๆ คลี่คลาย เราก็ต้องเตรียมความพร้อม
ต่อข้อถามว่า มีรายงานว่าสถานการณ์การระบาดที่เชียงใหม่ตอนนี้ เหมือนกับการระบาดในกทม.ช่วงที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เช่น ลักษณะตลาด นายอุทิน กล่าวว่า ตอนที่กทม. มีการใช้ระบบ HI/CI และระบบเขตสุขภาพต่างเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระเตียงล้นของ กทม. ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่มีวัคซีนมากนัก ส่วนเชียงใหม่ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะเหมือนกับกทม.ที่มีการระบาด แต่สถานพยาบาลยังมีความพร้อม ทั้ง HI/CI ก็กำลังจัดตั้ง ที่สำคัญคือกระจายวัคซีนไปมากแล้ว เพราะฉะนั้นพื้นฐาน ต้นทุนระบบสาธารณสุขดีกว่า กทม.เมื่อ 3-4 เดือนก่อน ขอความร่วมมือประชาชนใช้ชีวิตหลังผ่อนคลายมาตรการด้วยความระวัง และปฏิบัติตามมาตรการ
เมื่อถามว่ามีนักวิชาการ ภาคประชาชนกังวลเรื่องการเปิดนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ เป็นการก้าวกระโดดเกินไป อาจจะเสี่ยงเกิดการระบาด และต้องปิดกันอีก นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องใช้โควิด ฟรี เซตติ้ง ในร้านอาหาร สถานบันเทิง ได้ข่าวว่า ศบค. ผู้ว่าฯ จะมีการจัดชุดตรวจอย่างเข้มงวด หากไม่ทำตามก็จะมีการตักเตือน หรือปิดสถานที่หากไม่เคารพ มีการดำเนินคดี ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ เพราะรัฐบาลทราบดีว่านี่คือจุดเสี่ยง แต่การที่ไม่สามารถทำให้คนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติได้ ก็เป็นความลำบากของคนอีกกลุ่มหนึ่ง เราต้องหาจุดสมดุลให้ทุกอย่างขับเคลื่อนไปได้ โควิด ฟรี เซตติ้ง สำคัญมากในช่วงหลังการเปิดประเทศ ซึ่งจะมีการตรวจเช็กอย่างเข้มงวด