วันที่ 4 พ.ย.64 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคม 2564 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ระดับ 43.9 ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 37.8 โอกาสในการหางานทำอยู่ที่ระดับ 40.3 และรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 53.5 ซึ่งเป็นดัชนีที่ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้สถานประกอบการ เริ่มเปิดกิจการได้ และการที่รัฐบาลปรับเวลาเคอร์ฟิวลดลง เพื่อรองรับแผนการเปิดประเทศ รวมถึงการดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ โครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่มีการเพิ่มเงินอีก 1,500 บาท การส่งออกของประเทศในเดือนกันยายน ที่ยังคงขยายตัวได้ดี ราคาพืชผลทางการเกษตรเริ่มปรับตัวดีขึ้น
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นจะปรับตัวดีขึ้น แต่รัฐบาลยังคงจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาสนับสนุนนโยบายการเปิดประเทศหลังจากผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ทำให้ มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เหลือของปีนี้
นอกจากนี้ ศูนย์พยากรณ์ฯ ได้ประเมินว่าเม็ดเงินในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีจะอยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศเดือนละ 1-2 แสนคน เม็ดเงินจากโครงการคนละครึ่งที่เพิ่มขึ้น และหากในช่วงเดือนธันวาคม มีการผ่อนคลายให้ธุรกิจกลางคืนสามารถกลับมาประกอบธุรกิจได้ จะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้นส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ขยายตัวได้ร้อยละ 1.0-1.5 ตามที่ได้ประเมินไว้
นอกจากนี้ นายธนวรรธน์ ยังกล่าวถึงการเปิดประเทศของรัฐบาลว่า ส่วนตัวเห็นด้วยที่เปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ปรับตัวดีขึ้น ดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกทาง
ส่วนของกังวลว่าการเปิดประเทศของรัฐบาล จะทำให้เกิดการระบาดระลอกใหม่นั้น นายธนวรรธน์ มองว่า การเปิดประเทศ ได้มีการนำเอารูปแบบของภูเก็ตเเซนด์บ็อกมาใช้ ทำให้เชื่อมั่นได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการคัดกรอง และมาตรการด้านสาธารณะสุขที่เข็มงวด อีกทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยว ก็มีการเพิ่มความระมัดระวังตัวเองเช่นกัน จึงมองว่า ในเรื่องความกังวลจะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ หรือ คลัสเตอร์ใหม่จึงน้อยลงกว่าช่วงก่อนหน้านี้