เมื่อเวลา 09:30 น. ที่บริเวณ ป้ายรถประจำทาง หน้า กระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก กรุงเทพมหานคร ได้มีการนัดรวมตัวกันของกลุ่มประชาชนจำนวนหนึ่ง จัดกิจกรรมรณรงค์ โดยใช้รถยนต์ติดริบบิ้นเชิงสัญญาลักษณ์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งได้ทำการเคลื่อนขบวนไปตาม ถนนวิภาวดี ขาออก กลับรถจุดกลับรถเกษตร-ห้าแยกลาดพร้าว-ถ. พหนโยธินขาเข้า และไปจบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงาน เปิดเผยถึงข้อเรียกร้องของประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ ว่า ต้องการให้รัฐบาลปรับลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตร โดยมองว่า ปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างการจัดเก็บภาษีราคาน้ำมันของทางรัฐบาลที่ 5-6 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศมีราคาแพง ขณะที่วิกฤตโควิด-19 กระทบต่อรายได้ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน แต่หากรัฐบาลมีการปรับลดอัตราการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงลง เชื่อว่าจะทำให้สามารถลดภาระในเรื่องของราคาน้ำมันแพงในประเทศลงไปได้
นอกจากนี้ การที่รัฐบาล ใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกลิตรละ 2 บาท เพื่อตรึงราคาน้ำมันที่ 30 บาท/ลิตร และเตรียมกู้เงินเพื่อเติมเงินใส่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่เหลืออยู่ประมาณ 7,000 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้กรณีที่ต้องใช้ในการตรึงราคาน้ำมันนั้น มองว่า เงินจำนวนนี้จะเป็นภาระต่อประชาชนผู้ใช้น้ำมันในอนาคต
สำหรับ กิจกรรมในวันนี้ ได้มีทางเจ้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน จัดกำลังพลมาคอยอำนวยความสะดวกในเรื่องของการจราจร ไม่ให้ การจัดกิจกรรมในวันนี้กระทบต่อการใช้รถใช้ถนนของประชาชนทั่วไป ตัวเลขภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยการจราจรถ.วิภาวดีฝั่งขาออกยังสามารถเคลื่อนตัวได้ตามปกติ
ด้าน แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ให้ข้อมูลในเรื่องของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง ว่า หากรัฐทำตามข้อเรียกร้องนี้ จะทำให้กระทรวงการคลัง สูญเสียรายได้จากภาษีน้ำมันไปถึง 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งกระทบฐานะการคลังของรัฐบาล เนื่องจากไม่สามารถหารายได้จากแหล่งอื่นมาชดเชยได้ ยืนยันว่ารัฐบาลกำลังเร่งหาทางออกในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย