ภายหลังจาก นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยกับทีมข่าวท็อปนิวส์ ว่าตนได้ทราบข้อมูลจาก นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ ว่ามีข้อมูลที่อาจเรียกได้ว่า เป็นการซื้อขายตำแหน่งในกรรมาธิการ
โดยเป็นการประชาสัมพันธ์ถึงพวกพ้องหรือคนที่สนใจว่า ได้รับแจ้งจาก ประธานคณะทำงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะทำงานฯ ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร มีความต้องการ สมัครบุคลากร ครูบรรจุและอัตราจ้างหรือบุคคลที่มีความสามารถ
จบปริญญาตรี หรือ ปริญญาโท สาขาประถมศึกษาหรือสาขาอื่นก็ได้ มาบรรจุเป็นกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ในตำแหน่งดังนี้ 1. กรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ประจำจังหวัดยะลา 5 คน 2.กรรมธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ประจำ จังหวัดปัตตานี 5 คน
นายสิระ กล่าวต่อว่า ข้อความข้างต้นอาจยังดูไม่ผิดสังเกต แต่เมื่อมาดูเงื่อนไขในการรับสมัคร ที่ระบุว่า หลักฐานการสมัครคือ บัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, วุฒิการศึกษา รูปถ่าย 1 นิ้ว และหลักฐานต่างๆ เช่น บัตรประกาศที่มีความสามารถ รวมถึงค่าสมัครต้องใช้เงินจำนวน 50,000 บาท
ว่านี่คือ หลักฐานที่เห็นชัดว่ามีการจ่ายเงินเพื่อแลกกับตำแหน่งในกรรมาธิการใช่หรือไม่ประเด็นนี้ นายนพคุณ รัฐผไท ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ต้องตอบให้ชัดว่าได้ตรวจสอบหรือเคยทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่ เหตุใดถึงปล่อยให้คนสนิทกระทำผิดกฎหมาย
นายสิระ ยังเปิดเผยต่อว่า นอกจากจะมีการซื้อขายตำแหน่งกันแล้ว ยังพบว่า ผศ.ดร.กิตติภพ สิงห์อ่อน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการศึกษาฯ ได้มีการออกบัตร โดยมีการใช้ตรารัฐสภาชัดเจนออกให้กับคณะทำงานของตัวเอง ที่เป็นคนกลุ่มเดียวกันในการซื้อขายตำแหน่ง
โดยบัตรดังกล่าวมีการลงนามในท้ายบัตรเป็นชื่อของ ผศ.ดร.กิตติภพ ไม่ใช่ชื่อของเลขาธิการสภาฯ หรือประธานสภาฯ แต่อย่างใด เรื่องนี้ถือเป็นการปลอมแปลงเอกสารของทางราชการใช่หรือไม่ และการออกบัตรเช่นนี้ ถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่
ในขณะที่ นายประเสริฐ มุกข์ดามัน ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ปรึกษากรรมาธิการการศึกษา (คณะทำงาน ผศ.ดร.กิตติภพ สิงอ่อน) ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวท็อปนิวส์ถึงประเด็นที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวระบุว่า ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ว่าข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวหาว่าตน ซื้อขายตำแหน่งหัวละ 50,000 บาท เพื่อแลกกับตำแหน่งที่ปรึกษาประธาน กมธ. การศึกษา นั้น ไม่เป็นความจริง
และเตรียมที่จะดำเนินคดีกับสำนักข่าวที่นำเสนอข่าวดังกล่าว จนทำให้ตนและคณะเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนตัวยืนยันว่าไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนั้น และตนไม่ทราบว่าบัตรดังกล่าวที่มีการจัดทำขึ้นนั้น มีการปลอมแปลงรายละเอียดส่วนใดบ้าง หรือมีข้อมูลส่วนใดผิดบ้าง
เรื่องนี้ต้องไปถาม ผศ.ดร.กิตติภพ สิงห์อ่อน ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการศึกษาฯ เพราะเป็นคนที่ออกบัตรดังกล่าวให้กับตน