ที่ 18 พ.ย.– นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ “ไอติม” แกนนำกลุ่ม Re-Solution ผู้ร่วมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กข้อความว่า ตนขอใช้พื้นที่นี้ ขอบคุณและขอโทษจากใจจริงอีกครั้งต่อประชาชน 135,247 คน ที่ร่วมเดินทางกับเราในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ #รื้อระบอบประยุทธ์ และหลายคนที่ติดตามการอภิปรายและคาดหวังอยากให้ร่างฉบับนี้ผ่าน ตลอด 16 ชั่วโมงของกระบวนการชี้แจงในรัฐสภา เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อโน้มน้าวให้สมาชิกรัฐสภาเห็นชอบในการนำร่างนี้ไปสู่ประชามติกับคนไทย 60 กว่าล้านคนทั่วประเทศ แต่ต้องยอมรับว่าภารกิจนี้ยังไม่สำเร็จ
นายพริษฐ์กล่าวว่า ยังยืนยันว่าทุกข้อเสนอในร่าง ไม่ได้เป็นข้อเสนอที่สุดโต่ง และไม่ได้ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เพียงแต่ต้องการสร้างระบบการเมืองที่ “ควร” จะเป็น กล่าวคือ ค. คืนศักดิ์ศรีแก่สถาบันทางการเมือง ให้กลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชน เพราะการรักษาศรัทธาในสถาบันทางการเมืองใดๆ ก็ตาม ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการหยุดอยู่กับที่ แต่จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อสถาบันนั้นก้าวเดินไปพร้อมกับเข็มนาฬิกาที่หมุนไปตามความต้องการของประชาชน
นายพริษฐ์กล่าวอีกว่า ส่วน ว. ไว้ใจประชาชน ให้เขามีสิทธิเลือกผู้นำของตนเอง โดยไม่ต้องมี ส.ว. 250 คนมาร่วมเลือกด้วย ไว้วางใจให้เขาเลือกนโยบายที่แต่ละพรรคการเมืองมานำเสนอกับเขาได้อย่างเสรี โดยไม่ต้องกังวลว่าเลือกไปแล้วก็ทำให้เป็นจริงไม่ได้ เพราะมียุทธศาสตร์ชาติที่ล็อกไว้แล้วล่วงหน้า 20 ปี และไว้วางใจประชาชน ให้เขาแก้ทุกวิกฤติทางการเมืองกันเองผ่านกลไกรัฐสภา โดยไม่ต้องให้ทหารเข้ามายึดอำนาจและอ้างว่าเพื่อจะมาแก้ปัญหาให้พวกเขา
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า สำหรับ ร. ระบบที่เป็นกลาง ที่ทุกคนไม่ว่าจะเกิดมาเป็นใคร มี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่าเทียมกันในการกำหนดทิศทางและอนาคตของประเทศทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะฝักใฝ่อุดมการณ์ทางการเมืองแบบไหน มีโอกาสเท่าเทียมกันในการแข่งขันเพื่อเข้ามาบริหารประเทศ ทุกคนไม่ว่าจะมีอำนาจมากน้อยแค่ไหน ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นโดยศาลและองค์กรอิสระที่เป็นกลางจริง และทุกคนไม่ว่าคุณจะเป็นใครในประเทศนี้ อยู่ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายทุกฉบับตั้งแต่รัฐธรรมนูญยันพระราชบัญญัติ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน
นายพริษฐ์กล่าวด้วยว่า การแก้รัฐธรรมนูญยังต้องเดินหน้าต่อไป และเชื่อว่าตราบใดที่รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งมีปัญหาทั้งที่มา กระบวนการ และเนื้อหา ยังไม่ได้รับการแก้ไขในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดอำนาจและกติกาที่ไม่เป็นธรรม ประเทศไทยก็จะไม่สามารถออกจากวิกฤติทางการเมืองในรอบนี้ได้