วันที่ 18 พ.ย. – ดร.อวยชัย วะทา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาสังคม เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาสังคมสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศทุกสาขาอาชีพ อายุ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง“ทิศทางการเมืองไทยหลังเปิดประเทศ” ระหว่างวันที่ 5-17 พฤศจิกายน 2564 เนื่องจากเห็นว่าห้วงเวลาและสถานการณ์ต่อจากนี้จะมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา จึงสำรวจ 5 ด้านคือ 1. ความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน พบว่า พึงพอใจต่อการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจและพัฒนาประเทศมากที่สุดร้อยละ 97.14 ขณะที่ร้อยละ 78.4 คิดว่าศักยภาพของฝ่ายค้านและม็อบปฏิรูปสถาบันจะสามารถล้มรัฐบาล ส่วนร้อยละ 90 เห็นว่าในสถานการณ์วิกฤตโควิดฝ่ายค้านควรร่วมมือกับรัฐบาลแก้ปัญหาชาติมากกว่ามุ่งโจมตีล้มล้าง และไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธ เผาทำลายสถานที่ราชการ หยาบคาย จาบจ้วงสถาบัน ละเมิดกฎหมาย ใช้ข้อมูลเท็จ และสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน มากที่สุดร้อยละ 96.32 นอกจากนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า เครือข่ายขบวนการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ โดยให้มีการแก้รัฐธรรมนูญและแก้ไขยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง “ถือว่าเป็นการล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครอง” มากที่สุดร้อยละ 93.36
ด้านที่ 2. ความคิดเห็นต่อการเปลี่ยนแปลงในพรรคฝ่ายค้านและพรรครัฐบาล เห็นว่า การที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งลูกสาวอดีตนายกฯทักษิณเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค มีอิทธิพลต่อการครอบงำพรรคมากที่สุดร้อยละ 90.44 ขณะที่เพื่อไทยและก้าวไกลประกาศนโยบายแก้ไขหรือยกเลิก มาตรา 112 และ 116 ประชาชนไม่เห็นด้วยร้อยละ 93.74 ส่วนร้อยละ 90.6 เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่มีนักการเมืองคุณภาพและนโยบายที่เกิดจากการร่วมคิดของประชาชนทุกกลุ่มมากที่สุด สำหรับร้อยละ 91.9 5 เห็นว่าหากพล.เอกประยุทธ์ ตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐควรย้ายไปร่วมสร้างพรรคด้วยมากที่สุดร้อยละ 91.9 และร้อยละ 73.74 เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย
ด้านที่ 3. ความพึงพอใจต่อผลงานของรัฐบาลด้านต่างๆ ซึ่งมากที่สุดร้อยละ 75.34 พอใจที่รัฐบาลระดมพลังคนไทยทุกภาคส่วนฉีดวัคซีนป้องกันโควิทเกิน 70 % จนสามารถเปิดประเทศได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ขณะที่ร้อยละ 91.38 พอใจการเยียวยาประชาชนทุกสาขาอาชีพในโครงการคนละครึ่ง เราชนะ ปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนร้อยละ 87.54 พอใจการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ อีอีซี เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับทวีปมากที่สุด ส่วนร้อยละ 91.28 พอใจการปฏิรูประบบคมนาคมขนส่ง สำหรับร้อยละ 91.28 พอใจการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมอาเซียน /สร้างถนน 4 เลนทั่วประเทศ /สร้างรถไฟรางคู่ 4 ภูมิภาค ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ฐานราก เช่น เกษตรกร/ ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม/ ลดค่าเทอมนักเรียนพอใจร้อยละ 84.94
ด้านที่ 4. นโยบายที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการในระยะเร่งด่วนและระยะยาร้อยละ 98 พอใจการลดราคาน้ำมัน การส่งเสริมการท่องเที่ยว และการประกันราคาผลผลิตการเกษตร ขณะที่ร้อยละ 93.2 พอใจการลดดอกเบี้ยหนี้สินเกษตร และปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว ส่วนร้อยละ 96.28 พอใจการลดดอกเบี้ยหนี้สินครู / หนี้ก.ย.ศ.เหลือร้อยละ 3 จัดตั้งธนาคารสหกรณ์ครูไทย และปฏิรูปการศึกษาโดยให้ครูและประชาชนมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ส่วนร้อยละ 89.84 พอใจโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง พัฒนาแหล่งน้ำทั่วประเทศ ขณะที่ร้อยละ97.88 พอใจการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและปราบปราม ยาเสพติดอย่างเด็ดขาดจริงจัง
ด้านที่ 5. คาดว่าผู้ใดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปคือ พล.เอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 40.16 /นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ ร้อยละ 15.60 /นายอนุทิน ชาญวีระกุล ร้อยละ 11.22 /คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 9.83 / นายชลน่าน ศรีแก้ว ร้อยละ 9.70 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 7.2 และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 6.28