ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามนัดสอบคำให้การผู้กำกับโจ้และพวกรวม 7 ราย เบิกตัวจำเลยมาศาล ล่าสุดผู้กำกับโจ้และจำเลยปฏิเสธ ไม่ได้ฆ่าโดยวิธีการทารุณโหดร้าย ขณะที่ศาลเตรียมนัดตรวจพยานหลักฐานและสืบพยานมกราคมปีหน้า
ตั้งแต่ช่วงเช้าบรรยากาศที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเขตดุสิตศาลนัดสอบคำให้การคดีพันตำรวจเอกธิติสรรค์อุทธนพล อดีตผู้กำกับสภเมืองนครสวรรค์และจำเลยอีก 6 ราย โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 7 ราย มาศาลตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบประจำอยู่โดยรอบพื้นที่ศาล ส่วนสื่อมวลชนเจ้าหน้าที่ศาลได้ทำการคัดกรองและติดสติ๊กเกอร์ให้กับสื่อมวลชนที่ต้องการขึ้นไปฟังคำพิจารณาในห้องพิจารณา
สำหรับบรรยากาศภายในห้องพิจารณาคดี ศาลได้แบ่งห้องพิจารณาให้ญาติฝ่ายจำเลย ห้องสื่อมวลชนนั่ง ฟังแบบแยก ตามมาตรการป้องกัน covid 19 ขณะที่ผู้กำกับโจ้และพวกเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปที่ห้องเวรชี้ มีทนายความ 5 คนนำโดยทนายความโชคชัย อ่างแก้ว และอัยการฝ่ายโจทก์ นอกจากนี้มีรายงานว่า ญาติผู้เสียหายได้ตั้งทนายร่วมเข้าต่อสู้คดีด้วย โดยศาลได้เริ่มสอบคำให้การในเวลา 9:30 น
ขณะเดียวกันมีบรรดาญาติของจำเลยทั้ง 7 รายเดินทางมาที่ศาลกันครบ โดยบางรายมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่ให้สัมภาษณ์สื่อก่อนเดินขึ้นห้องพิจารณาคดีไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสังเกตพฤติกรรมของผู้กำกับโจ้มีน้ำมีนวลขึ้นรวมไปถึงจำเลยรายอื่น
เมื่อผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์ได้แจ้งสิทธิต่อจำเลย และสั่งให้มีเพียงทนายความ และตัวจำเลย อัยการโจทก์ และเจ้าหน้าของกรมราชทัณฑ์อยู่ภายในห้องเท่านั้น ก่อนที่จะอ่านคำฟ้องให้จำเลยทั้ง7 ฟัง โดย พ.ต.อ ธิติสรรค์ จำเลยที่1 ให้การรับสารภาพ ในความผิดฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา157 // และม.172 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ และรับสารภาพในฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น แต่ปฏิเสธตามข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยการกระทำอันโหดร้าย ตามมาตรา289
โดย “ผกก. โจ้” แถลงต่อศาลว่า ตนเองและลูกน้องไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ต้องการต้องารขยายผลการจับกุมยาเสพติด ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสังคม ยืนยันมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศ ไม่มีเจตนากระทำการทุจริตใดๆต่อหน้าที่ หรือเรียกรับผลเงินจากผู้ตายจึงขอความเมตตาต่อศาล มีผู้กำกับโจ้ยังยืนยันต่อหน้าศาลว่า ตนเองไม่มีเจตนาทุจริตต่อหน้าที่หรือเรียกรับผลประโยชน์ต่อ ผู้ต้องหาแต่อย่างใด
ส่วนจำเลยที่เหลือ ต่างให้การรับและปฏิเสธข้อหาแตกต่างกันไป โดยจำเลยทุกคนต่างอ้างว่า กระทำการไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และไม่มีเจตนาที่จะประสงค์ต่อชีวิตของผู้ตาย โดยขณะนี้ศาลอยู่ระหว่างนัดวันตรวจพยานหลักฐานและกำหนด วันนัดสืบพยาน คาดว่าจะมีการนัดตรวจพยานหลักฐานและสืบพยานภายในเดือน มกราคม 2565
ผู้สื่อข่าวรายงานจากห้องพิจารณาคดีด้วยว่า ศาลอธิบายต่อหน้าจำเลยและทนายความว่า คดีดังกล่าว การพิจารณาคดีเหมือนกับคดีอาญาทั่วไป แตกต่างกันแค่ผู้กระทำความผิด คือ เจ้าพนักงานของรัฐ กฎหมายจึงกำหนดให้เร่งพิจารณาคดีให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ประทับรับฟ้องซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวจำเลยและฝ่ายโจทก์หรือผู้เสียหายเอง