จากกรณี นายเกษม บุญศรี อายุ 63 ปี อยู่เลขที่ 27 หมู่ 16 ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นผู้พิการหลังเป็นอัมพฤกษ์ซีกขวา ถูก นายไชยัน ดวงแก้ว อายุ 30 ปี คนในหมู่บ้านเดียวกันซึ่งเป็นคนสนิทสนม แอบขโมยบัตรเอทีเอ็มของนายเกษม แล้วไปกดเอาเงินสดจำนวน 200,000 บาท ซึ่งเป็นเงินมัดจำที่นายเกษม ขายที่ดินได้ เมื่อความแตก นายไชยัน จึงโอนเงินคืนให้ 50,000 บาทก่อนหลบหนีไป และจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อ นายไชยัน ได้ แต่คาดว่าน่าจะขี่รถจักรยานยนต์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ พร้อมสร้อยคอทองคำหนักอีก 1 บาท หนีไปบ้านแฟนสาวที่ จ.เชียงราย ส่งผลให้นายเกษม ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากจึงต้องเข้าแจ้งความ เพราะเงินก้อนดังกล่าว นายเกษม ตั้งใจว่าจะเก็บเอาไว้รักษาตัวเอง นอกจากนี้ นายเกษม ยังไปทวงถามพ่อและแม่ของนายไชยัน หลายครั้ง เพราะอยากให้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่สอบถาม นายบุญทรง ดวงแก้ว อายุ 61 ปีอยู่บ้านเลขที่ 54 ม.14 ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ผู้เป็นพ่อของนายไชยัน บอกว่า ปกติลูกชายเป็นคนดี แต่มาเริ่มนิสัยเสียตอนเล่นโทรศัพท์ โดยก่อนหน้านี้ลูกชายเคยไปทำงานในห้างสรรพสินค้าแล้วไปขโมยโทรศัพท์ จึงถูกจับจำคุกมาแล้ว 1 ครั้ง และไม่คิดว่าลูกจะมาก่อเหตุในลักษณะนี้อีก ตอนนี้รู้สึกอึดอัดมากที่ถูก นายเกษตร มาทวงถาม ถึงขั้นคิดว่าถ้าลูกชายหายไปเลยก็จะขายบ้านหลังอาศัยอยู่เอาไปใช้หนี้เขา แล้วจะไปหาอยู่ตามที่พื้นที่สาธารณะแทน
ขณะที่ นางมาลี ดวงแก้ว อายุ 59 ปี แม่นายไชยัน บอกว่า เคยสอนลูกเสมอว่าไม่ให้ทำชั่ว แต่สุดท้ายก็ไปทำกับคนที่ลูกเคยไปอาศัยอยู่ด้วย ตอนนี้ตนพูดไม่ออก อยากให้ลูกเอาเงินมาคืน นายเกษม เพราะตอนนี้พ่อและแม่บอบช้ำจากการกระทำของลูกเป็นอย่างมาก