นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจภาพรวมแผนการบริหารจัดการและการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไทย โดยเฉพาะ วัคซีนแบบผสมผสาน หรือ “สูตรไขว้” ที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนดฉีดให้ประชาชนเห็นผลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสูตรไขว้ SV+AZ และ SV+SV+AZ สามารถสร้างภูมิต้านทานป้องกันโควิด-19 ที่มีอาการได้ถึง 80-90% ถือว่ามากกว่าการฉีด AZ 2 เข็ม ที่ป้องกันโวิด-19 ที่มีอาการได้ 70-80% เห็นผลลัพธ์ในการลดอาการติดเชื้อรุนแรงหรือป่วยหนักได้เป็นอย่างดี ทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างเห็นผล ทั้งนี้ ข้อมูลการฉีดวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2564 – 21 พ.ย.2564 (12.30 น.) มีการฉีดวัคซีนสะสม 88,873,271 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 สะสม 46.6 ล้านราย เข็มที่ 2 สะสม 39.1 ล้านราย เข็มที่ 3 สะสม 3 ล้านราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีนคิดเป็นร้อยละ 81 ของผู้มีสิทธิรับวัคซีน โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส คิดเป็นร้อยละ 59 ของประชากรรวม หรือ ร้อยละ 68 ของผู้มีสิทธิรับวัคซีน ทั้งนี้ มี 16 จังหวัดที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 70 แล้ว ประกอบด้วย กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี ชลบุรี ปทุมธานี นครปฐม เพชรบุรี กระบี่ พังงา ระนอง ระยอง ฉะเชิงเทรา ตราด และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข คาดว่า ไทยจะบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ 100 ล้านโดส ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้ถึง 1 เดือน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลเดินหน้าฉีดวัคซีน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง และเห็นผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิตที่ต่ำกว่า 100 ศพ ติดต่อกันนานมากว่าเดือนแล้ว โดยวันนี้ (21 พ.ย. 64) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 7,006 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 7,591 ผู้เสียชีวิตจำนวน 29 ศพ ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 เม.ย. 2564 จำนวน 2 ล้านราย และยอดหายป่วยสะสม 1.9 ล้านราย สะท้อนความสำเร็จในการบริหารสถานการณ์โควิด -19 ของรัฐบาลและความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนทุกภาคส่วนได้เป็นอย่างดี
“รัฐบาลภายใต้การบริหารของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งจัดหาและกระจายวัคซีนในสต๊อกทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกพื้นที่ฉีดวัคซีนให้ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ขอเชิญชวนประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว สร้างความแข็งแกร่งในระบบสาธารณสุขให้รองรับการระบาด เพื่อลดความรุนแรงและการเสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และการเปิดประเทศตามแผนที่กำหนด” นายธนกร กล่าว