วันที่ 25 พฤศจิกายน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปท.) ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP7 ทาง เฟสบุ๊คส่วนตัว “ Suthep Thaugsuban โดยนายสุเทพ กล่าวตอนหนึ่งว่า จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แกนนำกลุ่มราษฎร 3 คนคือนายอานนท์ นำภา รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก กรณีขึ้นปราศัยระหว่างการชุมนุมที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 เป็น การกระทำมีเจตนาเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีการขยายความออกไปใหญ่โต มีการวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ แสดงปฏิกิริยาต่าง ๆ และมีกลุ่มองค์กรสิทธิมนุษย์ชน (แอมเนสตี้) ออกมาผสมโรงเล่นงานศาลไปด้วย นี่ก็สร้างปฏิกิริยาให้เกิดขึ้นกับคนไทยหลายกลุ่มที่เห็น ๆ คือคุณแรมโบ้ (นายเสกสกล อัตถาวงศ์) ที่เป็นตัวตั้งตัวตีที่จะไล่ แอมแนสตี้ ให้ออกไปให้พ้นจากประเทศไทยและมีประชาชนในหมู่บ้านในหลายตำบล หลายแห่งที่จะออกมาเคลื่อนไหวร่วมลงชื่อกับคุณแรมโบ้ เพื่อไล่ แอมแนสตี้ และในโลกออนไลน์เอง ก็มีการพูดการวิจารณ์เรื่องนี้ทั้งในแง่บวกและลบ
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนอยากจะชวนพี่น้องประชาชน ไปดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้ว่า พิจารณาแล้วเห็นว่า พระมหากษัตริย์ กับ ชาติไทยดำรงอยู่คู่กันเป็นเนื้อเดียวกัน นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน จะต้องดำรงอยู่ด้วยกันต่อไปในอนาคต เพื่อธำรงความเป็นชาติไทยไว้ ปวงชนชาวไทยจึงถวายความเคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้” กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวเขาไม่เอาเขาเรียกร้องยื่นข้อเสนอ 10 ข้อของพวกเขานั้น ตน มองว่าเป็นการเรียกร้องที่คนไทยรับไม่ได้ ยอมไม่ได้ คนที่ถวายความเคารพสักการะพระมหากษัตริย์เห็นว่าข้อเรียกร้องพวกนั้น กระทบต่อ พระฐานะของ พระประมุขของประเทศ อันนี้เป็นเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้ และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาอย่างนี้แล้ว ตรงกับความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่
นายสุเทพ กล่าวว่า จากการพิจารณาข้อเรียกร้องทั้ง 10 ข้อ เห็นว่า มีข้อหนึ่งที่เคยเถียงกับนายทักษิณ ชินวัตร คือข้อเรียกร้องที่บอกว่า ขอให้ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นในทางการเมืองในที่สาธารณะ ประเด็นนี้นายทักษิณ บอกกับตนว่า ประเทศไทยทำไมจะต้องรอวันที่ 4 ธันวาคม เพื่อจะฟัง ว่าพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล จะมีพระราชดำรัสอย่างไร คุณทักษิณ มองว่า เป็นการที่พระมหากษัตริย์มีบทบาท มีอิทธิพลทางความคิดเหนือประเทศไทย บอกไม่ชอบ ตนบอกว่าไม่ได้ คุณไม่เข้าใจจิตใจคนไทยส่วนใหญ่ เราเคารพสักการะพระองค์ท่านเป็นประมุขของเรา ความผูกผันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับคนไทย มันลึกซึ้ง เรารัก เราเทิดทูน เราเคารพสักการะ เราอยากได้ยิน อยากได้ฟัง ปีหนึ่งมีหนเดียววันที่ 4 ธันวาคมก่อนวันเฉลิมพระชนม์พรรษา ท่านก็จะมีพระราชดำรัสกับประชาชน กับข้าราชการและคนที่เข้าเฝ้าถวายพระพร
คนเป็นรัฐบาลก็จะได้ยินได้ฟังทุกปี ส่วนใหญ่จะมีพระราชดำรัสทุกวันที่ 4 ธันวาคมนั้น จะเป็นเรื่องของประเทศชาติ สิ่งแวดล้อม ป่าไม้ ปัญหาเรื่องน้ำ เป็นเรื่องปัญหาของประชาชน ครั้งหนึ่ง เคยมีพระราชดำรัสอธิบายมีเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม่ อันนี้เป็นเรื่องใหม่ เป็นผลได้ผลเสียต่อครอบครัวของประชาชนโดยตรง สิ่งเหล่านี้ก็เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและต่อประชาชน ประชาชนอยากจะฟังคนอื่นพูดก็อาจจะสงสัย แต่เมื่อพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมีพระราชดำรัสประชาชนไม่สงสัย เข้าใจ และเห็นทิศทางว่า เราจะเดินหน้าบ้านเมืองกันไปอย่างไร เดินหน้าแก้ปัญหาประชาชนอย่างไร มีไม่กี่ครั้ง ที่ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองอย่างรุนแรงมาก เช่น ช่วงสมัยที่นายทักษิณ เป็นนายกฯ ประกาศนโยบาย เรื่องการปราบปรามยาเสพติดอย่างรุนแรงมาก ทำสงครามกับยาเสพติด มีเหตุ ให้เกิดกรณีการฆ่าตัดตอนอุ้มฆ่าประชาชน 2,500 กว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรื่องนี้ต่างประเทศวิพากษ์วิจารณ์มาก ในเรื่องนี้ พระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรไปตรวจสอบ ไม่ได้ทรงตำหนิอะไรเลย คุณทักษิณ อาจจะไม่ชอบ ตรงนี้ก็ยกมาเป็นประเด็นเถียงกับตนว่า ทำไมต้องรอวันที่ 4 ธันวาคม ถึงจะรู้ว่าทิศทางของประเทศในปีต่อไปจะเป็นอย่างไร นี่เป็นเรื่องที่ เห็นว่าคุณทักษิณมีความคิดเห็น เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ แตกต่างจากตน และคนไทยส่วนใหญ่มากมาย เหตุการณ์ผ่านมาหลายปีแล้ว นายทักษิณหมดอำนาจไป หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ
นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้มีกลุ่มคนขบวนการใหม่ ออกมาเรียกร้องใน 10 ข้อ โดย 1ในข้อเรียกร้องเหมือนกับที่คุณทักษิณ เคยเถียงกับตน ตนถึงเชื่อที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่กลุ่มที่เคลื่อนไหวมีการทำเป็นขบวนการ เขาไม่หยุด เขาต่อเนื่อง เขามีเจตนาที่จะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ จากที่ติดตามดู พบว่ายังมีความพยายามเคลื่อนไหวอยู่ แล้วมีคนตั้งคำถามว่า ถ้าคนเหล่านี้ยังเคลื่อนไหว ต่อไม่หยุด จะเป็นอย่างไร ตน บอกได้เลยว่า ยุ่งเลยที่นี้ใครทำต่อ ก็จะถูกดำเนินคดีอาญา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และถ้าขืนทำต่อมันเป็นเรื่องใหญ่ อย่าไปฟังแต่เสียงเชียร์ คนกลุ่มหนึ่งก็ได้แต่เชียร์ คนกลุ่มหนึ่งที่เป็นถึงครูบาอาจารย์ เชียร์ให้เด็กออกมา ไปฟังแต่คนที่มีความคิดอย่างนั้นอย่างเดียว ไม่ได้ฟังคนอื่นเขาบ้าง ที่ไม่เห็นด้วย ที่ตนยกเรื่องนี้ก็เพื่อหวังที่จะสะกิดเตือนใจ คนหนุ่มคนสาวที่ต้องการแสดงออกต้องระมัดระวัง ถ้าขืนไปกระทำการในสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้แล้วว่าเป็นสิ่งที่ผิด เราขืนทำไปต่อไปเราจะเจอกฎหมายอาญา เสียอนาคต ตนเป็นห่วง
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนเห็นคนที่ออกมาเคลื่อนไหว หรือออกมาทำ แล้วอ้างว่าต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องการปฏิรูป พวกผมตอนที่ชุมนุม กปปส.ปี 2556-2557 ไม่มีใครเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเห็นว่าที่มีอยู่ดีอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายสถานการณ์ สถาบันพระมหากษัตริย์ ช่วยเหลือประชาชนได้ตลอดเสมอมา
“ คนที่คิดจะออกมาเคลื่อนไหวแก้ไขเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปทำเรื่องอื่นดีกว่า มารวมพลังกันช่วยกันปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศในเรื่องอื่น ๆ ดีกว่า อย่าไปทำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เลย ประมุขของประเทศไหนเขาก็เชิดชูกันทั้งนั้น เรานี่ยิ่งสำคัญมากเพราะคนไทยกับพระมหากษัตริย์ผูกพันกันมายาวนาน ตรงนี้สำคัญ” นายสุเทพ กล่าว