วันที่ 30 พ.ย.2564 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กข้อความว่า พอได้ข่าวว่าไวรัสตัวนี้กลายพันธุ์ไปถึง 50 ตำแหน่ง และบริเวณหนามแหลมสไปรท์ มีการเปลี่ยนแปลงไปมากถึง 30 ตำแหน่ง ฟังดูแล้วน่าตกใจ จริงๆ แล้วการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในกลุ่ม RNA ไวรัส สำคัญที่ว่าตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงนั้นทำหน้าที่อะไร มีความสำคัญแค่ไหน มากกว่าจำนวนที่เปลี่ยนแปลง
ศ.นพ.ยงกล่าวว่า ไวรัสตัวนี้มีพันธุกรรมรวมทั้งหมดเกือบ 30,000 นิวคลีโอไทด์ ถ้าเปลี่ยนแปลงไป 50 หรือ 100 ต่อ 30000 ก็มีความเป็นไปได้ เพราะผ่านมา 2 ปี แต่ที่สำคัญเวลาพูดถึงหนามแหลมสไปรท์จะมีประมาณ 4,000 นิวคลีโอไทด์ และเป็นกรดอะมิโน 1,270 กรดอะมิโน การเปลี่ยนแปลงไป 30 ใน 1270 ถ้าบอกว่า 30 ดูว่าเยอะก็ได้ เป็นเรื่องธรรมดาก็ได้ แต่สำคัญขึ้นอยู่กับว่าเปลี่ยนแปลงตำแหน่งไหนมากกว่า
ศ.นพ.ยงกล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลง 30 ใน 1270 รูปร่างโครงสร้างของหนามแหลมสไปรท์ ก็ยังคงรูปร่างเดิม แต่ทำให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น เหมือนเช่นมนุษย์เราก็ยังคงเป็นมนุษย์ แต่หน้าตา ถ้ามีการแต่งเติมเปลี่ยนแปลงก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง หล่อขึ้น หรือขี้เหร่ ก็มีความเป็นไปได้ เมื่อมองจากภายนอกก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่นั่นเอง ความจำ ถ้าเจอหน้าเจอตาที่มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก็ยังจำได้ว่าเป็นใคร ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจนรูปร่างไม่เหมือนเดิม หาเป็นเช่นนั้นไม่
ศ.นพ.ยงกล่าวต่อว่า ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในหนามแหลมสไปรท์ ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นในส่วนนี้อาจจะลดลงไปบ้าง ไม่ใช่หายหมดอย่างสิ้นเชิง เช่น ถ้าเรามีภูมิต้านทานสูงเราป้องกันได้ 90% เจอสายพันธุ์ใหม่ก็อาจจะลดลงเหลือ 80 เปอร์เซ็นต์ และถ้าภูมิต้านทานต่ำลง เปอร์เซ็นต์ก็จะต่ำลงตามอัตราส่วนลงมา อย่างในอดีต สายพันธุ์อู่ฮั่นที่ใช้ทำวัคซีนก็ยังสามารถป้องกันสายพันธุ์เดลต้าได้ ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องการระดับภูมิต้านทานที่สูงขึ้น
ศ.นพ.ยงกล่าวด้วยว่า ทำนองเดียวกันสายพันธุ์ใหม่ ทำให้ภูมิต้านทานป้องกันลดลง ก็อาจจะจำเป็นที่ต้องมีภูมิต้านทานสูงไว้ก่อน หรือถ้าลดลงมาก ตัววัคซีนเองก็ต้องเปลี่ยนสายพันธุ์ไปเลย ต้องใช้สายพันธุ์ตัวใหม่ Omicron รอการศึกษา การป้องกันในระบบภูมิต้านทาน คงไม่ได้ใช้ระบบภูมิต้านทานต่อหนามแหลมสไปรท์เท่านั้น ในไวรัสทั้งตัวมีโปรตีนชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งโครงสร้างและไม่ใช่โครงสร้างมากถึง 25 ชิ้น หนามสไปรท์เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อยู่ยื่นออกมาไว้เกาะกับเซลล์มนุษย์ วัคซีนมีจุดมุ่งหมายสร้างภูมิต้านทานมาขัดขวาง แต่ความเป็นจริงระบบภูมิต้านทาน อาจจะจำเป็นที่จะต้องใช้ต่อส่วนอื่นของตัวไวรัส เช่น ส่วนเปลือก envelope ส่วน nucleocapsid และจะมีอื่นๆ ที่เราไม่รู้
ศ.นพ.ยงกล่าวอีกว่า ทำไมระบบภูมิต้านทานที่เกิดจากการติดเชื้อ จะปกป้องได้ดีกว่าภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีนที่ทำมาจากส่วนสไปรท์เท่านั้น เพราะมีภูมิต้านทานต่อไวรัสทั้งตัวไม่ใช่มีแค่หนามแหลมสไปรท์ การติดเชื้อสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ถ้าร่วมกับภูมิต้านทานจากวัคซีนจะมีระดับภูมิต้านทานที่สูงมาก ที่เรียกว่าเป็นภูมิต้านทานแบบลูกผสม hybrid immunity และสามารถป้องกันได้ดีกว่า ในทำนองเดียวกันการให้วัคซีนเชื้อตายเป็นการจำลองการติดเชื้อ มีภูมิต้านทานต่อทั้งตัวไวรัส รวมหนามแหลมด้วย และเมื่อร่วมให้กับวัคซีนอื่นที่เป็นหนามแหลมสไปรท์ก็น่าจะอนุมานได้ว่าทำไมภูมิต้านทานจึงสูงขึ้นมาก และน่าจะเป็นแบบภูมิต้านทานลูกผสม hybrid immunity
” ศ.นพ.ยงกล่าวตอนท้ายว่า ในอนาคตชื่อว่าการศึกษาภูมิต้านทานแบบลูกผสม น่าจะช่วยในการสนับสนุน ป้องกันการกลายพันธุ์ของไวรัส เพราะระบบภูมิต้านทานในการต่อสู้กับไวรัสไม่มีเฉพาะแค่หนามแหลมสไปรท์อย่างเดียวเท่านั้น บ้านเรามีวัคซีนหลากหลายมาก การใช้วัคซีนแบบลูกผสมอาจจะดีต่อไวรัสกลายพันธุ์ก็ได้