วันนี้ (4 ธ.ค.64) เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดหน้าค่าย ภายใต้การดูแลขององค์กรปกคองส่วนท้องถิ่น ตำบลปากคลอง ตั้งอยู่ภายในวัดหน้าค่าย หมู่ที่ 1 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นชุมชนมีประกรอยู่หนาแน่น หลังได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งนี้แล้ว คณะกรรมการมีมติยังไม่พร้อมเปิดการเรียนการสอนในช่วงนี้เนื่องจากในหมู่บ้านมีผู้ปกครอง นักเรียน และชาวบ้าน ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนและบางคนยังฉีดไม่ครบ 2 เข็ม แต่ปรากฏว่าผู้บริหารในองค์กรปกครองสวนตำบลปากคลอง ซึ่งดูแลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไม่สนใจ กลับออกประกาศให้เปิดเรียน จนกลายเป็นคลัสเตอร์ฟันน้ำนมมีผู้ป่วยโควิด19 และผู้มีความเสี่ยงสูงต้องกักตัวจำนวนมาก ทำให้ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่อย่างมาก
นางวรรณทนา เพชรดี อายุ 50 ปี กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดหน้าค่าย ได้เปิดเรียนเมื่อวันที่ 1 พ.ย.64 ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กแห่งนี้ซึ่งมีผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ทรงคุณวุฒิ ครู ผู้บริหารท้องถิ่น ในที่ประชุมคณะกรรมการมีมติเห็นชอบว่ายังไม่สมควรเปิดเรียน โดยมีเหตุผลว่าผู้ปกครอง ชาวบ้าน และนักเรียน ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน บางคนก็ยังฉีดไม่ครบ 2 เข็ม
โดยคณะกรรมการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดหน้าค่าย มีมติยังไม่พร้อมเปิดเรียน แต่ปรากฎว่า ปลัด อบต.ปากคลอง กลับมีคำสั่งว่าให้เปิดการเรียนการสอนตามปกติ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล จนทำให้ตอนนี้มีเด็กนักเรียนซึ่งเป็นเด็กเล็กอายุ 3 – 5 ขวบ ติดโควิด จำนวน 8 คน และครู 1 คน จากนักเรียนทั้งหมด 35 คน ครู 3 คน และมีผู้ปกครองติดอีก 4 คน โดยนักเรียนทั้งหมดมาจากลูกหลานชาวบ้านหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 6 ตำบลปากคลอง ตอนนี้มีผู้ปกครองและชาวบ้านกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่เจ้าหน้าที่มีหนังสือให้กักตัวแล้ว จำนวนกว่า 30 ครัวเรือน และยังมีชาวบ้านทยอยติดเชื้อโควิดอีกเรื่อยๆ จนถึงขณะนี้หน่วยงานเกี่ยวข้องก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ ที่ชัดเจนว่า จะลงมาหยุดยั้งตัดวงจรคลัสเตอร์ฟันน้ำนมนี้อย่างไร จนชาวบ้านหวาดผวาและได้รับผลกระทบในการดำรงชีวิตอย่างมาก
พระจตุรงค์ อตุโล พระลูกวัดหน้าค่าย กล่าวว่าวัดกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน เมื่อเด็กเล็ก ผู้ปกครอง ชาวบ้าน ติดโควิด และมีกลุ่มเสี่ยงอีกจำนวนมาก ทางเจ้าอาวาสได้ออกคำสั่งไม่ให้พระสงฆ์ทั้งหมดออกไปบิณฑบาต เพราะชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ติดโควิด ถูกกักตัว จำนวนมาก จะทำให้เกิดความเสี่ยง ความไม่ปลอดภัย ทั้งพระและชาวบ้าน ส่วนเรื่องอาหารฉันเช้า ฉันเพล จะมีชาวบ้านจิตอาสานำมาถวาย ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
ด้านนายปราโมท เขียวนิล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ตำบลปากคลอง กล่าวทางโทรศัพท์ระหว่างเดินทางไปต่างจังหวัดว่าคณะกรรมการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดหน้าค่าย ซึ่งมีตนและผู้ใหญ่บ้านเป็นคณะกรรมการอยู่ด้วย ก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วยเรื่องเปิดเรียน เพราะยังไม่พร้อมทั้งผู้ปกครอง นักเรียนและชาวบ้าน หลายคนยังไม่ได้ฉีควัคซีน คณะกรรมการจึงมีมติว่ายังไม่สมควรเปิดเรียน แต่หลังจากนั้นปลัด อบต.ปากคลอง กลับมีคำสั่งให้ปิดเรียน อ้างว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล ครูก็ต้องมาสอนถ้าไม่อยากตกงาน จนกลายเป็นที่มาของคลัสเตอร์ฟันน้ำนมดังกล่าว
สำหรับ จ.ชุมพร ข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุข จ.ชุมพร ณ วันที่ 3 ธ.ค.64 มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 9 สะสม จำนวน 15,420 ราย เสียชีวิต 109 ศพ หายป่วยสะสม 14,512 ราย เฉลี่ยผู้ป่วยวันละ 50-100 ราย