นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวอเมริกาที่ติดเชื้อโควิคสายพันธุ์ โอมิครอน ที่เดินทางเข้าไทยรายแรกและพบว่ามีผู้ให้บริการพนักงานโรงแรม 17 คนที่มีความเสี่ยงสูง ว่า มี 1 คนที่เป็นพนักงานโรงแรม ผลตรวจผลตรวจไปสอบสวนโรคและผลตรวจเป็นบวกได้ดำเนินการ ซึ่งได้นำตัวมารักษาที่สถาบันบําราศนราดูรแล้ว เร่งพนักงานส่งอาหารคนดังกล่าวได้กลับบ้านไปที่จังหวัดอุบลราชธานีก่อนหน้านี้จึงต้องสอบสวนโรคว่าติดเชื้อจากแหล่งใดจากอุบลราชธานีหรือจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ในการสอบสวนโรคว่าเดินทางด้วยรถสาธารณะหรือรถส่วนตัวไปจังหวัดอุบลราชธานี
ซึ่งขณะนี้นำผลตรวจเชื้อพนักงานโรงแรม ตรวจเชิงลึกเป็นต้องรอผลประมาณ 3-4 วัน ว่าติดเชื้อสายพันธุ์ โอมิครอนหรือไม่ ยืนยันว่า คนที่สัมผัสใกล้ชิดทุกคนเจ้าหน้าที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขสามารถติดตามตัวได้ทั้งหมดแล้ว โดยย้ำว่า การเดินทางเข้าประเทศต้องมีการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็มมีการตรวจคัดกรองATKจากประเทศต้นทาง และมาตรวจATKที่ไทยอีกรอบ หากเข้ากักตัวในแซนด์บ็อกซ์ ก็ถือว่ามีมาตรการที่เข้มข้นอยู่แล้ว ส่วนการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถปิดกั้นการเดินทางอยู่แล้ว ข้อมูลขณะนี้พบว่าอาการไม่รุนแรง ซึ่งมาตรการสามารถใช้ โฮมไอโซเลชั่นได้ถ้าสัดส่วนไม่ได้มีมากกว่าค่าเฉลี่ยเหมือนเมื่อก่อนเกิน 5% และอัตราการเสียชีวิตเกิน 2%จากภาพรวมของทั่วโลก จึงเชื่อว่าศักยภาพของระบบสาธารณสุขของไทยสามารถดูแลรองรับได้
นายสาธิต ระบุว่าการเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งต่างชาติและคนไทยก็ตาม คนที่กลับมาจากประเทศเสี่ยงสูงและนอกเหนือจากประเทศเสี่ยง ต้องเข้าสู่มาตรการทั้ง 3 มาตรการที่เราได้ประกาศไว้ ซึ่งมีความเข้มข้นในการคัดกรอง
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีรับทราบถึงการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว และติดตามการประกาศเป็นระยะเพื่อประเมินสถานการณ์ในการตัดสินใจแต่ขณะนี้ถือว่าทุกอย่างยังเดินหน้าและนายกรัฐมนตรียังไม่ได้เรียกประชุมเกี่ยวกับสายพันธุ์ใหม่โดยกระทรวงสาธารณสุขประเมินสถานการณ์แล้วว่าขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีการล็อคบางพื้นที่ หลังมีการพบสายพันธุ์โอมิครอน