วันที่ 9 ธ.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า หลังพบชะตากรรมชีวิตของผู้หญิง 5 รายมีทั้งเด็กน้อยวัย 3 ขวบ 15 ปี 16 ปี 58 ปี และหญิงชรา อายุ 86ปี รวบทั้งหมด 5 ชีวิต พากันขับรถซาเล้งพ่วงข้าง หอบ สมบัติ ที่เหลือ เพียงน้อยนิด เพื่อ หนีตาย และ ที่อยู่เอาดาบหน้า เนื่องจาก ลูกชายบังเกิดเกล้า เกิดคุ้มคลั่ง ทำลายข้าวของ และเผา วางเพลิง บ้านของตนเองจนวอด หมดทั้งหลัง ที่บ้านเลขที่ 120 หมู่ที่ 7 บ้านห้วยหลัว ตำบลหนองนาแซง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
แถมยัง คู่อาฆาต ฆ่าและทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวทั้งหมด ก่อนออกมาหาที่พักพิงใหม่กับญาติ ซึ่งมีอาชีพเลี้ยงเป็ดไร่ทุ่งอยู่ บริเวณพุ่มไม้ป่าริมทางถนนสายชัยภูมิ – สีคิ้ว 2155. รอยต่อเขต อำเภอเมือง กับ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ
ล่าสุดทางบริษัทเมรัยชัยภูมิ ซึ่งเป็นภาคเอกชน ได้มอบน้ำดื่ม 1.5 ลิตรจำนวน 50 แพ็ค ให้กับนางนาฏฯเพื่อใช้ไว้ดื่มและประกอบอาหาร
โดยนายวรศิษย์ พุฒจีบ นายอำเภอจัตุรัส พร้อมนางสาวภัทรานิษฐ์ ก่อกุศล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ และจนท.อบต ละหาน ก็ได้ลงพื้นที่กลางดึกเพื่อเยี่ยมและสอบถามข้อมูล โดยมีข้อสรุปว่า เบื้องต้นจะรับเด็ก พร้อมทั้งครอบครัวไปอยู่ในความดูแลของ บ้านพักเด็กและครอบครัวในคืนนี้ แต่เนื่องด้วยนางนาท ฯ มีความประสงค์ที่จะดูแลหลานและแม่ เนื่องจากถ้าเข้าไปในบ้านพักเด็กแล้วก็จะไม่ได้ออกมาทำมาหากิน ซึ่งจะประสานทาง นายอำเภอเมืองชัยภูมิและตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อติดตามคดีของผู้ก่อเหตุ จุดไฟเผาบ้าน ในครั้งนี้เนื่องจากทางครอบครัวยังหวาดกลัวว่าผู้ก่อเหตุหรือลูกชาย จะพ้นโทษและกลับมา ทำร้ายครอบครัวตามที่เคยขู่ไว้ เนื่องจากเป็นราษฎรของ เขตพื้นที่อำเภอเมืองชัยภูมิ
ส่วนการตรวจหาเชื้อโควิด จะประสานหน่วยงาน ทาง รพ. สต หนองนาแซงเพื่อที่จะมาตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิดเบื้องต้น ทางชาวบ้านได้รับข้อมูล จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภเมืองชัยภูมิสายตรวจตำบลหนองนาแซง กล่าวว่าครอบครัวนี้และผู้ก่อเหตุมีข่าวลือว่าติดเชื้อ covid-19 จึงทำให้นางนาคไม่สามารถดำเนิน ชีวิตได้อย่างปกติ โดยเฉพาะการ ทำมาหากินหรือการค้าขายส่วนตัวนางนาฏเองก็ สบายใจขึ้น และไม่ต้องการข้อเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมนอกจาก ความปลอดภัยจากลูกชายผู้ก่อเหตุและช่วยตรวจยืนยัน สยบข่าวลือเรื่องการติดเชื้อโควิด 19 เพื่อ จะได้กลับเข้าไปค้าขายและใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามปกติ ต่อไป.
ภาพ/ข่าว มัฆวาน วรรณกุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ชัยภูมิ