จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นหลายสิบคนแต่งตัวคล้ายนักเรียนสายอาชีวะ วิ่งไล่ทำร้ายกันที่ประตูทางเข้า-ออกฝั่งโรงหนัง ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี จ.กาฬสินธุ์ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยชาวบ้านที่ถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ได้แล้วนำไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุข้อความ ว่า “เบิ่งหนังกะหยังตีกันเนาะ อินเกินจริง ” หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแผร่ ส่งผลให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนหนึ่งแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ กลุ่มวัยรุ่นอินกับภาพยนตร์เรื่อง 4 คิงส์ จึงก่อเหตุยกพวกทำร้ายกัน หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.พัทฐกร ศาสนะสุพินธ์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่จราจร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เฝ้าระวังการรวมกลุ่มของกลุ่มวัยรุ่น พร้อมกำชับให้ดูแลความสงบเรียบร้อยที่ประตูเข้า-ออกของห้างสรรพสินค้าที่มีโรงหนังหลังภาพยนต์เรื่อง 4 KINGS ฉายจบทุกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถระงับเหตุนักเรียนยกพวกตีกันได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าระงับเหตุ ยืนยันว่า พบกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่มสวมเสื้อกันหนาว สวมกางเกงขายาว สวมแมสก์ แต่ไม่ได้สวมเสื้อที่มีตราสัญลักษณ์ของสถาบัน และไม่ได้ใช้อาวุธร้ายแรงทำร้ายฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงห้ามปรามก่อนว่ากล่าวตักเตือนกลุ่มวัยรุ่น พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงโทษที่จะเกิดขึ้นแก่ตัวเอง บิดาและมารดา หากมีการทำร้ายกัน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีทรัพย์สินของผู้ใดเสียหาย และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต รวมทั้งจนถึงขณะนี้ไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ประสานไปยังอาจารย์ฝ่ายปกครองของวิทยาเทคนิค โรงเรียนอาชีวะ และวิทยาลัยสารพัดช่าง ที่คาดว่าจะเป็นสถาบันของกลุ่มวัยรุ่นให้ใช้มาตรการป้องกันเหตุเชิงรุก โดยขอให้จัดทำประวัติวัยรุ่นที่เป็นกลุ่มเสี่ยง พร้อมขอให้อาจารย์ฝ่ายปกครองตักเตือนเด็กนักเรียนให้เห็นโทษภัยของการยกพวกตีกัน
ด้าน นายเจษฎา ยลสำอาง อายุ 15 ปี กล่าวก่อนเข้าชมภาพยนต์ เรื่อง 4 คิงส์ ว่า วันนี้นัดเพื่อน 7-8 คนมาดูหนังเรื่องดังกล่าว โดยส่วนตัวคิดว่าหลายคนอาจอินไปกับหนังแต่ควรมีสติ แล้วนำสิ่งดีจากในหนังมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนสิ่งไม่ดีอย่าไปเลียนแบบ โดยอยากให้คิดถึงพ่อและแม่เป็นอันดับแรก เพราะผลของการกระทำ อาจสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองและผู้ปกครองซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย