หลังจากโลกออนไลน์แชร์ภาพ “หลวงตาบุญชื่น” ขณะกำลังเดินจาริกธุดงค์ ทำให้มีญาติโยมหลายคน ได้แวะกราบนิมนต์ให้ขึ้นรถและถวายปัจจัย แต่หลวงตาชื่นไม่ขอรับการถวายปัจจัย ขอรับถวายเพียงน้ำเปล่า พร้อมระบุว่าได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน แสวงบุญจาริกธรรม ตามรอยพระเกจิชื่อดัง คือหลวงปู่มั่น เพื่อหาความสงบสุขในชีวิต เพื่อเข้าถึงสัจธรรมของชีวิต ยิ่งทำให้ผู้พบเห็นและทราบข่าวเกิดความศรัทธา
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทีมข่าวท็อปนิวส์ได้มีโอกาสตามเส้นทางบุญ หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโท พระสายวัดป่าธรรมยุติ ซึ่งเดินรับบิณฑบาต ญาติโยมภายในโรงเรียนบางเลนวิทยา อ.บางเลน จ.นครปฐม มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากมาร่วมทำบุญตักบาตร หลังเสร็จจากการฉันเช้า ประมาณ 07.30 น. หลวงตาบุญชื่นได้ออกเดินธุดงค์ จากโรงเรียนบางเลนวิทยา ผ่านถนนดอนยอ-บางเลน ผ่านโรงพยาบาลบางเลน มุ่งหน้าสู่ อ.กำแพงแสน และตามกำหนดการของวันนี้ หลวงตาบุญชื่น จะธุดงค์ต่อไปยัง อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
ทั้งนี้ตลอดเส้นทางที่หลวงตาบุญชื่น ธุดงค์ผ่านมีประชาชนจำนวนมาก มาเฝ้ารอทำบุญถวายน้ำ โดยมีคณะศิษย์ที่ร่วมเดินทางมากับหลวงตาบุญชื่น คอยดูแลความสะดวก รวมทั้งมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ จ.นครปฐม ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอารักขาความปลอดภัยตลอดเส้นทางที่ธุดงค์ มีการแนะนำให้ประชาชนห้ามปูผ้าให้หลวงตาบุญชื่นเหยียบย่ำ และห้ามถวายเงิน เนื่องจากหลวงตาบุญชื่นปฏิเสธไม่รับปัจจัยใดๆ
ส่วนการถวายน้ำ แนะนำให้ยกขึ้นสูงระดับหน้าผากขณะหลวงตาธุดงค์ผ่าน หรือหากมีน้ำจำนวนมากให้วางซ้อนกัน เพื่อหลวงตาบุญชื่นจะได้ไม่ต้องก้มตัวลงมา เนื่องจากหลวงตามีอายุมากแล้ว และจะต้องธุดงค์เป็นระยะทางอีกไกล ขณะที่ประชาชนที่ทราบข่าวการธุดงค์ของหลวงตาในครั้งนี้ต่างก็มาเฝ้ารอ รวมทั้งประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาในเส้นทางการธุดงค์ของหลวงตาบุญชื่น ต่างรู้สึกปิติและศรัทธา ชะลอรถและยกมือขึ้นประนม พร้อมเปล่งเสียงสาธุอนุโมทนาบุญ เพื่อความเป็นสิริมงคล
“หลวงตาชื่น” หรือ หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโท พระธุดงค์สายป่า วัย 72 ปี ท่านสละทางโลกหันเข้าสู่ทางธรรมเพื่อหาความสงบในชีวิต เข้าอุปสมบทเป็นพระเมื่อปี พ.ศ. 2552 และปฏิบัติธรรมจาริกธุดงค์มานานกว่า 10 ปี รวมกว่า 10 พรรษา หลังจากได้เดินจาริกธุดงค์เท้าเปล่ากลับจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นบ้านเกิด รวมยะทางกว่า 2,000 กิโลเมตร
หลวงตาบุญชื่น เกิดที่บ้านเสาเล้า ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม โดยในช่วงวัยหนุ่ม หลวงตาบุญชื่นเคยเป็นทหารเกณฑ์ และได้รับคัดเลือกไปสู้รบในยุคสงครามเวียดนาม ประมาณปี 2512 สังกัดพลกองพันปืนใหญ่ จ.อุดรธานี และเคยผ่านการฝึกรบพิเศษอยู่ในค่ายเป็นเวลา 2 ปี ก่อนปลดประจำการ ได้เหรียญทหารผ่านศึก กลับมาสร้างชีวิตครอบครัว แต่งงานมีลูกทั้งหมด 4 คน
จากนั้นได้แสวงบุญเป็นพระสายป่าธรรมยุติ เดินธุดงค์ไปหลายที่ ไม่จำวัด และทำมาต่อเนื่องทุกปี จะไปจำวัดตามป่าเขา ก่อนนี้ไปจำพรรษาในถ้ำเตียงสิริขันธ์ บนเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร มาต่อเนื่อง 4 ปี โดยตั้งแต่ปี 2559 หลวงตาบุญชื่นได้ตั้งมั่นจาริกธรรม เดินธุดงค์มาจากภาคเหนือ แต่ขาไปขึ้นรถไปกับคณะพระสงฆ์หลายวัด มาปีนี้ได้ตั้งมั่นเดินทางไปกลับด้วยการธุดงค์กลับมาถึงบ้านเกิด
นอกจากนี้ทีมข่าวท็อปนิวส์ยังได้มีโอกาสสัมภาษณ์หลวงตาบุญชื่น โดยหลวงตาบุญชื่น ระบุว่า “เหนื่อยเฉพาะกาย แต่ใจไม่เหนื่อย” หลวงตามีความประสงค์อยู่สองประการ ประการแรกมีความปรารถนาจะให้ญาติโยม ได้ทำบุญให้ทาน รักษาศีลภาวนา การให้ทานหรือการสละสิ่งของให้ผู้อื่น อย่างเช่นการเดินมาตามถนนหนทาง เห็นญาติโยมได้นำข้าว น้ำปานะ ขนม นม เนย ผลหมากรากไม้ ยารักษาโรค กระทั่งดอกไม้ธูปเทียน มาสักการะ บูชากราบไหว้ นั้น
เป็นการให้ทานเหมือนกัน คือการสละสิ่งของของตน แก่คนที่ควรแบ่งปัน เช่นถวายจตุปัจจัยชัยทาน ให้แก่พระภิกษุ สามเณร เพื่อบูชาคุณงามความดีของท่าน หรือให้แก่ผู้ที่มีอุปการะก่อน เช่น บิดามารดา เป็นต้น รวมทั้งอนุเคราะห์สงเคราะห์ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ญาติโยมให้มาแล้ว คือข้าวน้ำ โภชนาอาหาร หลวงตาก็ให้ทานต่อ เป็นการสร้างทานบารมี บุญกุศลก็เกิดขึ้น ซึ่งสมกับความตั้งของหลวงตา ที่ปรารถนาจะให้ญาติโยมได้ทำบุญให้ทานนับว่าเป็นบุญมหาศาล
ประการที่สอง คือการรักษาศีล คือการรักษาใจกาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อย เว้นจากข้อที่พระพุทธเจ้าสั่งห้าม กระทำให้สิ่งที่พระพุทธเจ้าอนุญาต เช่นการรักษา ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 เพื่อขจัดความไม่ดีไม่งามออกไปแล้ว ก็จะงามยิ่งๆขึ้นไป ทั้งความคิด คำพูด การกระทำ ก็จะเป็นที่น่านับถือ น่าศรัทธา น่าเลื่อมใส แก่ผู้ที่รู้จักพบเห็น แล้วก็พลอยจะทำตามแบบอย่างที่ดีไปด้วย ส่วนการภาวนา คือการทำจิตใจของตนให้ผ่องใสสะอาด ปราศจากนิวรณ์เครื่องเศร้าหมอง เช่น โลก โกรธ หลง เป็นต้น ถ้าผู้ใดสามารถกระทำได้ ก็จะทำให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข บ้านก็จะอยู่เย็นสุข และประเทศชาติก็จะอยู่เย็นเป็นสุขตามไปด้วย
โดยในช่วงท้ายหลวงตาบุญชื่น ได้ให้พรแฟนข่าวท็อปนิวส์และคนไทยทั้งประเทศเนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงว่า “… ขอให้ทุกคนพ้นทุกข์ หายทุกข์ หายโศก หายโรค หายภัย และให้ชีวิตของท่านทั้งหลาย ไปสู่ความเจริญงอกงามในศีลในธรรม ในหน้าที่การงาน ยิ่งๆขึ้นไป โดยทั่วหน้ากัน ด้วยเทอญ …”
