ศบค.ย้ำระงับ Test & GO ชั่วคราว ห้ามจนท.รัฐลาไปต่างประเทศ

ศบค.ย้ำระงับ Test & GO ชั่วคราว ห้ามจนท.รัฐลาไปต่างประเทศ

วันนี้ แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักความเสี่ยง กรมควบคุมโรค แถลงว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน จำนวนรวม 104 ราย โดยในจำนวนนี้มีทั้งที่อยู่ในระบบการรักษา และรักษาหายดีและออกจากโรงพยาบาลแล้ว ส่วนรายละเอียดการปรับมาตรการสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าราชอาณาจักร หลังจากที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่มีมติวานนี้ ประกอบด้วย 1.ระงับการลงทะเบียนผู้เดินทางเข้าประเทศไทยประเภท Test & GO และ Sandbox ชั่วคราวไปก่อนยกเว้นภูเก็ต Sandbox และการเข้ามาแบบกักตัว มีผลเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 โดยจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 4 มกราคม 2565 2.ผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยประเภท Test & GO ที่ได้รับอนุมัติแล้ว ซึ่งประมาณ 2 แสนคน สามารถเข้าประเทศตามรูปแบบ Test & GO เดิม แต่มาตรการที่เพิ่มขึ้นคือ วันที่มาถึงต้องตรวจหาเชื้อด้วย RT-PCR และต้องอยู่ในห้องพักจนกว่าผลตรวจจะออก หากผลตรวจRT-PCR เป็นลบ แม้จะสามารถเดินทางต่อได้ แต่ต้องสามารถติดตามตัวได้ตลอดเวลา โดยต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่นหมอชนะ และกลับมาตรวจRT-PCR ครั้งที่ 2 ครั้ง ในวันที่ 5 หรือ 6 ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ให้ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นโรงแรม โรงพยาบาลที่จับคู่กับโรงแรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ มีความเข้มงวดเป็นพิเศษ ซึ่งวันนี้กรมการกงศุล ได้รายงานต่อที่ประชุมศบค.ชุดเล็ก มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในวันนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 10,787 คน ภูเก็ต 2,546 คน ซึ่งผอ.ศบค.ชุดเล็ก ได้มอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดตั้งศูนย์ปฏบัติการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อตรวจสอบจำนวนผู้เดินทางผ่านท่าอากาศยานทุกช่องทาง ให้ติดตามการเดินทางจนกระทั่งเข้าที่พัก รวมถึงการติดตามการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ให้ครบทุกราย

แพทย์หญิงสุมนี ยังเปิดเผยมาตรการสำหรับคนในประเทศ มีดังนี้ 1.เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ ห้ามลาไปต่างประเทศ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น 2. คนไทยที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ให้พิจารณาชะลอ ยกเลิกการเดินทางที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการเดินทางไปประเทศทางยุโรป อเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง 3.เน้นย้ำให้มีการตรวจ ATK ก่อนเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางที่ใช้เวลานาน และมีคนแออัด 4.ให้มีการใช้ATKด้วยตัวเองเป็นระยะๆ หรรือเมื่อมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยเฉพาะเมื่อไปในที่ชุมชนแออัด หรือ สัมผัสผู้ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 5.ให้ฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง ทั้งเข็มแรก เข็มสอง และเข็มกระตุ้น รวมทั้งเพิ่มจุดฉีดวัคซีนในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก และจุดที่มีผู้เดินทางมาก เช่น สถานีขนส่ง ท่าเรือ ท่าอากาศยาน และ 6.เน้นย้ำมาตรการจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลปีใหม่ อีกทั้งให้หน่วยงานภาครัฐ ให้เจ้าหน้าที่เวิร์คฟอร์มโฮมให้ได้มากที่สุดหลังเทศกาลปีใหม่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วธ. จัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศาลหลักเมือง เนื่องในงาน “ใต้ร่มพระบารมี 243 ปี กรุงรัตนโกสินทร์”
สถาบันเหล็กฯ ออกแถลงการณ์ โต้ทนาย "ซินเคอหยวน" ยันเครื่องทดสอบเหล็กแม่นยำ ถูกต้องตามมาตรฐานทุกอย่าง
Watt-D แจ้งเตือน ระวัง "มิจฉาชีพ" แอบอ้างเป็นพนักงาน PEA หลอก Add LINE
ทั่วโลกร่วมไว้อาลัยโป๊ปฟรานซิส
“หมอปลาย” ทักแรง! ภาคอีสานระวัง “ภูเขาไฟ” ดับไปแล้ว กำลังจะตื่นอีก
“นาซา” เผยข้อมูลช็อก! แผ่นดินพม่าเคลื่อนตัว 6 เมตร จ่อปรับผังเมืองเนปิดอว์
ผวาชักศึกเข้าไทย! “พม่า KNU” เหิมหนัก โบกธงฉลองในแผ่นดินไทย
ปภ.จับมือ "3 ค่ายมือถือ" ทดสอบส่งข้อความเตือนภัย พ.ค.นี้
"นายกฯ" นำเปิดโครงการ "SML ส่งตรงโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน" เน้นผลสำเร็จเริ่มจากยุคไทยรักไทย
เซเว่น อีเลฟเว่น ชวนคนไทยร่วมเปลี่ยนแปลงโลก ในวัน Earth Day 2025 ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ลดการใช้พลังงาน ในธีม“พลังของเรา โลกของเรา”เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น