เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “ผมเป็นคนรักษาคำพูด รักใครก็รักจริง ยังคงยืนหยัดสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเสมอ แต่จะไม่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไปแล้ว ผมและครอบครัวจะเลือกส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร จากพรรคไทยภักดี และขอเลือกคุณสกลธี ภัททิยกุล เป็นผู้ว่าฯกทม. หากเป็นไปได้ ผมจะรณรงค์ให้พนักงานในสังกัด รพ.มงกุฎวัฒนะ และประชาชนผู้ใช้สิทธิประกันสังคม และสิทธิบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนและสิทธิส่งต่อจากคลีนิคบัตรทองต่างๆ ที่จงรักภักดีต่อชาติและพระมหากษัตริย์ ร่วมด้วยช่วยกันเลือกส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร จากพรรคไทยภักดี และเลือกคุณสกลธี ภัททิยกุล เป็นผู้ว่าฯ กทม.”
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุต่อว่า “ผมรู้สึกเสียดายที่การเลือกตั้งเมื่อมี.ค.62 ที่ผ่านมา ผมสนับสนุนไอ้กุ๊ยหลักสี่ อดีตนักโทษทุจริตฉ้อโกงที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จนมันได้กลายเป็นผู้มีอำนาจแล้วมันก็กลับมาแว้งกัดผมด้วยการบุกรุก รพ.สนามเยี่ยงผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ คับบ้าน คับเมืองทั้งๆที่ไอ้กุ๊ยหลักสี่ อดีตนักโทษฉ้อโกง ขอความช่วยเหลือจากผมในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เขตหลักสี่-จตุจักร ซึ่งเป็นฐานเสียงในการปูทางสู่การเป็นส.ส.ของมันมาโดยตลอด การแว้งกัดของมัน คือการเนรคุณ มันกระทำการบุกรุก รพ.สนามที่ผมสร้างขึ้นเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยจำนวนมากจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เมื่อวันที่ 7 พ.ค.64 จนทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 อย่างน้อย 2 รายต้องเสียชีวิต เนื่องจากรพ.สนามต้องล่าช้าออกไปจากการไม่สามารถติดตั้งระบบทางการแพทย์ จึงไม่สามารถรับย้ายผู้ป่วย 2 รายนี้ รายหนึ่งเป็นผู้ป่วยสูงอายุมีโรคประจำตัว คือ โรคไตวายที่ต้องฟอกเลือก ส่วนอีกรายหนึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่เริ่มมีภาวะหายใจล้มเหลวจาก รพ.นพรัตน์ราชธานีที่ต้องเข้า ไอ ซี ยู สนาม แต่รพ.สนามไม่สามารถรับย้ายได้เพราะล่าช้าออกไป จริงๆแล้วยังมีผู้ป่วยโควิด-19 อีกหลายรายที่ไม่สามารถรับย้ายจาก รพ.ต่างๆได้และต้องเสียชีวิตจากการเสียโอกาสเนื่องจาก รพ.สนามต้องเปิดล่าช้าไปเนื่องจากจากการบุกรุกของไอ้กุ๊ยหลักสี่ มิหนำซ้ำไอ้กุ๊ยหลักสี่ยังให้สัมภาษณ์ให้ร้าย ใส่ความหมิ่นประมาทผมและรพ.มงกุฎวัฒนะผ่านนักข่าวและรายการโทรทัศน์ต่างๆนานา ได้สร้างความเข้าใจผิดๆ และความเสียหายอย่างมาก ตัวอย่างเช่น”
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุอีกว่า “1. ให้ร้ายว่า รพ.มงกุฎวัฒนะเรียกเก็บค่าเคลื่อนย้ายศพผู้ป่วยโควิดจากรพ.มงกุฎวัฒนะ ไปวัดหลักสี่ เพียงแค่ 2 กิโลเมตร เรียกเก็บถึง 8,600 บาท ทั้งๆที่ญาติผู้เสียชีวิตจ่ายเงินให้แก่ บริษัท สุริยาหีบศพ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการและเคลื่อนศพ (สุริยาหีบศพ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ รพ.มงกุฎวัฒนะนะครับ) 2. ให้ร้ายว่า ผมโกหกว่ารักษาผู้ป่วยโควิดฟรี แต่กลับไปเบิกเงินจาก สปสช ทั้งๆที่ทุกรพ.ในประเทศ ทั้งรัฐและเอกชนก็ทำเช่นนี้กันทั้งนั้น 3. ให้ร้ายว่าผมไม่ขออนุญาตตั้ง รพ.สนาม ทั้งๆที่ รพ.สนามเป็นกรณีที่ไม่ต้องขออนุญาตตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้ได้รับการยกเว้นและเผยแพร่ในราชกิจจนุเบกษา โดยประกาศมาล่วงหน้าตั้งแต่ 1 ปีเศษก่อนที่มันจะบุกรุก รพ.สนามเสียอีก4. ให้ร้ายผมว่า สร้าง รพ.สนามโดยไม่มีระบบป้องกันอากาศและระบายน้ำเสียลงท่อน้ำทิ้งสาธารณะโดยไม่ผ่านการบำบัด ทั้งๆที่น้ำทิ้งที่มันชี้แจงต่อนักข่าวเป็นน้ำทิ้งจากร้านอาหารรุกล้ำทางเท้า ไม่ใช่น้ำทิ้งจาก รพ.สนาม เพราะขณะนั้น รพ.สนามยังไมมีผู้ป่วยจะมีนำ้เสียได้อย่างไร อีกทั้งต่อมาเมื่อ รพ.สนาม เปิดทำการแล้วก็เป็นที่ปรากฎว่า รพ.สนามที่ผมติดตั้งระบบทางการแพทย์ครบถ้วนแล้วได้มาตรฐานสากล มีขีดความสามารถ รพ.สนาม ระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดแห่งแรกของประเทศไทย เป็น รพ.สนามเฉพาะทางสำหรับโรคติดเชื้อที่มีระบบปรับอากาศความดันลบ แบบ Airborne Infectious Isolation Room [AIIR] ขนาดใหญ่จนสำนักข่าวซินหัวของจีนเผยแพร่ข่าว รพ.สนามพลังแผ่นดินในต่างประเทศ 5. ให้ร้ายว่าผมแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดเวลาเพื่อให้มีสิทธิเหนือคนอื่นๆ ทำอะไรก็ได้ ไม่มีผิด”
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุว่า “เมื่อผมตอบโต้มัน มันก็ดราม่าดัดจริต เพราะเสียฟอร์ม แล้วไปแจ้งความกับสน.ทุ่งสองห้อง เพื่อยัดข้อหาให้ผมเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำการหมิ่นประมาท ทั้งๆที่เกิดขึ้นจากการบุกรุกและหมิ่นประมาทจากมันก่อน กรณีลักษณะเช่นนี้ถือว่ามันไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหายโดยนิตินัยนะครับ พูดง่ายๆว่าเกิดจากมันมาหาเรื่องก่อน แล้วผมโต้ตอบกลับไป แต่ สน.ทุ่งสองห้อง ก็รับใช้สนองไอ้กุ๊ยหลักสี่ด้วยการทำสำนวนส่งฟ้องอัยการเพื่อให้ผมตกเป็นผู้ต้องหาและสร้างข่าวบิดเบือนเพื่อให้สังคมเข้าใจผมว่าเป็นผู้กระทำความผิด สน.ทุ่งสองห้อง มีป้ายชื่อ-นามสกุลของไอ้กุ๊ยหลักสี่ เป็นผู้สนับสนุนติดทั่วอาคาร สถานที่ เครื่องใช้ เต็มไปหมด ดูประหนึ่งว่าไอ้กุ๊ยหลักสี่ คือ ผู้อุปถัมภ์ สน.ทุ่งสองห้อง อีกทั้งยังมีเมียของไอ้กุ๊ยหลักสี่ เป็น ประธานกรรมการตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง อีกด้วย แล้วจะไม่ให้ผมตั้งข้อสงสัยว่า สน.ทุ่งสองห้องรับใช้ไอ้กุ๊ยหลักสี่กันได้อย่างไรกันล่ะครับ ผมไม่ได้เกรงกลัวอำนาจหรืออิทธิพลส้นตีนของไอ้กุ๊ยหลักสี่ตัวนี้หรอกนะครับ ถึงแม้ตัวผมเองจะไม่ใช่ผู้กว้างขวาง ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลใดๆ แต่ผมก็มีศักยภาพส่วนตัวมากพอที่จะพึ่งตนเองได้และประลองกำลังต่อสู้ไอ้กุ๊ยส้นตีนกระจอกตัวนี้ได้อย่างไม่ลำบากใจ ผมไม่ใช่กุ๊ยนะครับ ผมเป็นทหารหมอนักรบที่มีจิตใจนักเลง ถึงแม้จะเป็นตาแป๊ะแล้วก็ตาม”
“ผมยังคงยืนหยัดสนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไป ทั้งนี้ผมจะรณรงค์ให้พนักงานในสังกัดรพ.มงกุฎวัฒนะ ตลอดจนประชาชนผู้ใช้สิทธิประกันสังคม และสิทธิบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนและสิทธิส่งต่อจากคลีนิคบัตรทองต่างๆ ที่จงรักภักดีต่อชาติและพระมหากษัตริย์ ร่วมด้วยช่วยกันเลือก ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร จากพรรคไทยภักดี และเลือกคุณสกลธี ภัททิยกุล เป็นผู้ว่าฯ กทม จึงเรียนมาโปรดทราบโดยทั่วกัน หมายเหตุ หากพรรคไทยภักดีสามารถปักธงในเขตหลักสี่-จตุจักร ผมจะช่วยเหลือด้วยแผนงานการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ชุมชนผู้ด้อยโอกาสและยากไร้ และหากคุณสกลธี ภัททิยกุล ได้เป็นผู้ว่า กทม. ผมจะบูรณาการแผนงานการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ชุมชนผู้ด้อยโอกาสและยากไร้จากเขตต่างๆให้โดยไม่ต้องการสิ่งใดๆตอบแทนทั้งสิ้น ประชาชนสิทธิบัตรทองเขตหลักสี่-จตุจักร หากต้องการความช่วยเหลือจาก รพ.มงกุฎวัฒนะให้ติดต่อประสานงานผ่านพรรคไทยภักดีตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุ