ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์เรื่องราวของตนเอง หลังจากเดินชนน็อตกั้นทางเท้า ซึ่งระหว่างที่เดินอยู่บนฟุตบาทนั้น มีคนอื่นเดินอยู่ด้วยและเดินสวนทางมา ตัวเองก็ต้องเบี่ยงตัวหลบ เพื่อไม่ให้ชนคนอื่น แต่หัวเข่ากลับไปกระแทกเข้ากับน็อตเข้าอย่างจัง ทำให้ได้บาดเจ็บ
โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า “ชีวิตประเทศไทย สะพานลอยก็ห่วย ถนนก็ไม่ปลอดภัย ทางเท้าก็อันตราย หลบคนเดินสวนทางแคบ ซัดหัวน็อตเข้าให้ ถามว่าแรงแค่ไหน ราวสั่นทั้งราวจนคนที่ป้ายรถเมล์ได้ยินเสียงอะ เข่านี่บวมเลย นี่ขนาดว่าใส่กางเกงขายาวนะ มันเป็นอะไร ทำไมปล่อยหัวน็อตออกมาแบบนี้ โคตรรรรชุ่ย แล้วเป็นมันทุกที่เลยมั้งเนี่ยหัวน็อตแบบนี้”
ขณะที่ เพจดังอย่าง Drama-addict ไม่รอช้า แชร์เรื่องราวของชายหนุ่มคนดังกล่าวลงบนเพจ พร้อมระบุว่า อันนี้ จขพ ฝากมา คือ เขาเดินหลบแล้วไปชนกับหัวน็อตของที่กั้นฟุตพาท ที่ยื่นๆ ออกมาแบบในภาพ (ปกติเคยเห็นแต่คนเอาไปแขวนถุงพลาสติกนะนั่น) อันนี้ถามหน่อย ไอ้น็อตที่ยื่นๆ ออกมานี่ เอาไว้ทำไรน่ะครับ และมันปรับปรุงให้ไม่มีน็อตยื่นออกมาแบบนี้ได้มั้ย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ซึ่งหลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ไปไม่นาน น็อตตัวนี้ก็หายไปทันทีทันใด อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยทางเพจ รักษ์กรุงเทพ ได้โพสต์ว่า ที่ได้รับบาดเจ็บจากตัวน็อตที่ยื่นออกมาของราวเหล็กกั้นทางเดิน บนทางเท้าช่วงซอยลาดพร้าว 62 ทางกลุ่มรักษ์กรุงเทพ ทราบเรื่องจึงประสานผู้ที่รับผิดชอบไปดำเนินการแก้ไขยังจุดที่เกิดปัญหาขึ้นกับประชาชนทันที
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณซอยลาดพร้าว 62 ถึง ลาดพร้าว 64 เขตและแขวงวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร อยู่บริเวณใต้สะพานลอย โดยจุดเกิดเหตุ มีราวกั้นฟุตบาทอยู่ แต่ได้มีหน่วยงานของ กทม. มาปรับปรุงแก้ไขแล้ว จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณนั้นเป็นที่แคบ ซึ่งเป็นระหว่างเสาไฟฟ้ากับสะพานลอย ทำให้คนเดินสัญจรผ่านไปผ่านมา ต้องผ่านช่วงบริเวณนั้น เพราะถ้าเลี่ยงไปอีกทาง จะต้องมุดสะพานลอย ส่วนมากคนจะเดินอีกทาง ซึ่งเป็นที่แคบอยู่ระหว่างเสาไฟฟ้ากับที่กั้นฟุตบาท โดยในตอนแรกมีน็อตโผล่ออกมายาวประมาณ 3 เซนติเมตร ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
นายเบนซ์ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนผ่านบริเวณนี้บ่อยครั้ง ซึ่งวันนั้นตนก็เดินผ่าน และมีคนสวนมาพอดี ตนจึงเบี่ยงหลบ และด้วยความไม่ระมัดระวังของตัวเอง จึงเตะเข้าไปถูกหัวน็อต ที่กั้นฟุตบาทที่โผล่ออกมา ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก เพราะอยากเตือนคนที่ต้องใช้เส้นทางนี้ให้ระมัดระวัง ขณะเดียวกันแม้ว่าจะมีหน่วยงานลงมาแก้ไขแล้ว แต่ก็อยากให้แก้ไขในทุกที่ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ