วันที่ 28 ธ.ค. 2564 นายปิยพันธ์ พิมพ์แก้ว อายุ 33 ปี และ น.ส.ณัฐริกา สีขาว อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา อยู่เลขที่ 85 หมู่ 9 ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ร้องสื่อว่าถูกคนร้ายขโมยรถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็ค แคป สีเทา ทะเบียน บพ-1231 บุรีรัมย์ ที่จอดไว้หน้าบ้านเมื่อกลางดึกของวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา และต่อมามีคนโทรศัพท์คาดว่าเป็นคนร้าย เรียกค่าไถ่รถเป็นเงิน 35,000 บาท โดยคนร้ายได้บอกเลขบัญชีธนาคาร และชื่อผู้รับโอนชัดเจน แต่ตกลงกันไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะถูกหลอก โดยปลายสายบอกว่าถ้าไม่ไถ่จะส่งรถต่อไปตลาดมืด ก่อนจะเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมือง บุรีรัมย์ เพื่อให้ติดตามคนร้าย
น.ส.ณัฐริกา กล่าวว่า หลังจากรถหายไปรู้สึกไม่ดีมาโดยตลอด เพราะส่วนใหญ่รถที่หายแบบนี้มักจะไม่ได้คืน จึงไปบนไว้ที่ศาลหลักเมือง บุรีรัมย์ ว่าถ้าได้รถคืนจะบนหัวหมู 2 หัว จากนั้นเพียงวันเดียว ญาติซึ่งขับรถไปทำบุญ ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า เห็นรถคล้ายกับรถของตน จอดอยู่ข้างถนนสายบุรีรัมย์-นครราชสีมา เขต ต.ตะโก อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา แต่ทะเบียนรถไม่ตรง จากนั้นได้ไปแจ้งให้ตำรวจที่บุรีรัมย์ทราบ ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบ ไม่น่าเชื่อว่ารถที่จอดอยู่นั้นเป็นรถของตัวเองจริง ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะเอารถมาจอดเพื่อให้คนมารับเอาไปต่อ
น.ส.ณัฐริกา บอกด้วยว่าดีใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าจะได้รถคืนง่ายๆแบบนี้ แต่สิ่งที่ยังคาใจคือพฤติกรรมของคนร้าย เป็นการกระทำที่เย้ยกฎหมาย ขโมยรถไปแล้วยังโทรมาเรียกค่าไถ่ จึงอยากจะให้ตำรวจตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะมีหลักฐานเป็นหมายเลขบัญชีธนาคาร เบอร์โทรศัพท์และชื่อบัญชีธนาคาร รวมถึงคลิปเสียงระหว่างการเจรจากัน.
ภาพ/ข่าว เรืองรุจ วังแจ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.บุรีรัมย์