วันที่ 3 ม.ค. นี่เป็นภาพเจ้าของกระปุกออมสินที่เป็นถังน้ำดื่มขนาดใหญ่สีขาว ภายในมีธนบัตรฉบับละ 50 บาทจำนวนมาก และได้เทเงินฉบับละ 50 บาท ที่อยู่ในถังลงบนผ้าปูสีชมพู และให้คุณแม่ และพี่สาวช่วยกันนับ โดยนับแบ่งเป็นปึกๆ ละ 2,500 บาท ได้จำนวน 59 ปึก และมี เศษเหลืออีก 450 บาท เป็นเงิน 147,950 บาท จากนั้น ได้นำกุญแจไขกระปุกออมสินถังไม้ ซึ่งมีธนบัตรฉบับละ 100 บาท และเทออกมานับ ปึกละ 50 ใบ ได้จำนวน 6 ปึก และ 29 ใบ จำนวน 1 ปึก เป็นเงิน 32,900 บาท รวมเงินที่เก็บได้ทั้งหมด 180,850 บาท
ผู้โดยใช้เฟซบุ๊ก “Parinatra Soonklang” (ปริณตรา ศูนย์กลาง) ได้โพสต์ภาพและข้อความดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า “สิ้นสุดการรอคอย.. ออมเงินตั้งแต่ 1 ม.ค. 64 – 31 ธ.ค. 64 1 ปีเต็ม (365วัน) ได้ 2,959 แบงก์ เป็นเงินทั้งหมด 147,950 บาท แบงก์ 100 อีก 32,900 บาท ปล.งดดราม่านะคะ เป็นแม่ค้าได้ธนบัตรใบละ 50 บาทวันละหลายใบ เลือกเก็บเฉพาะใบใหม่ๆ ได้มาก เก็บมาก ไม่ได้จำกัดว่าต้องหยอดวันละกี่ใบ ขอบคุณตัวเอง..ที่อดทนได้มากขนาดนี้”
น.ส.ปริณตรา ศูนย์กลาง อายุ 36 บ้านอยู่ที่ ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน “น้องอั่งเปาไก่สด” บอกว่า ขายไก่ตามตลาดนัดต่างๆ ได้เก็บแบงก์ 50 บาท หยอดเอาไว้ในถังน้ำดื่มขนาดใหญ่ที่เอามาทำเป็นกระปุกออมสิน และเขียนวันที่เอาไว้บนถังว่า 1 ม.ค.64 ซึ่งเป็นวันที่เริ่มต้นหยอดแบงก์ลงไป และถังไม้ใส่กุญแจ 1 ถัง ภายในเป็นแบงก์ฉบับละ 100 บาท เป็นเงินรวม 180,850 บาท
น.ส.ปริณตรา กล่าวว่า การเก็บออมเงินครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว หลังจากได้แรงบันดาลใจจากชาวเน็ตที่ได้ออกมาแชร์การเก็บเงินไว้ในถังบรรจุน้ำ ซึ่งได้รองทำดูบ้างและประสบความสำเร็จมาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนวิธีการเก็บก็คือเมื่อได้รับเงินจากลูกค้าจะเป็นแบงก์ 50 บาท ก็จะเลือกใบที่ใหม่นำมาหยอดใส่ถังไว้ วันไหนได้มากก็หยอดมาก วันไหนได้น้อยก็หยอดน้อย ประกอบกับแม่ค้าด้วยกัน และผู้ที่ทราบจากข่าวว่าตนชอบเก็บแบงก์ 50 บาท ก็จะนำมาให้แลก และเริ่มยอดใส่ถังน้ำดื่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นมา จนถึงกำหนด 31 ธันวาคม 2564 เป็นเวลา 1 ปีเต็ม จนเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2564 ก็ได้ถือฤกษ์ช่วงเช้าเวลา 9.09 น. นำเครื่องเจียเหล็กมาเปิดปากถัง เนื่องจากเป็นพลาสติกเหนียวและหนา
น.ส.ปริณตรา กล่าวอีกว่า รู้สึกดีใจมาก เพราะว่าลองเก็บเป็นครั้งที่ 3 แล้ว และครั้งนี้เก็บได้เพียง 1 ปี ซึ่งต่างจากปีก่อนที่เก็บ 2 ปี ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ตนทำงานอย่างหนักแบบไม่ได้พักเหมือนคนอื่น ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดื่มสุรา ตั้งใจหยอดทุกวัน และไม่กระทบกับเงินทุนที่ต้องใช้ซื้อของแต่ละวัน ไม่คิดว่าจะได้เงินมากขนาดนี้ ส่วนเงินจำนวนนี้จะนำไปฝากธนาคาร และไปใช้หนี้ เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และเก็บไว้เป็นค่าเล่าเรียนของลูกส่วนหนึ่ง และใช้จ่าย มันอาจจะดูไม่มาก แต่ก็ภูมิใจที่ได้เก็บเงินถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ ปี 2565 ให้กับตัวเอง และจะเงินเก็บไว้เป็นเงินขวัญถัง 10,000 บาท เพื่อเก็บเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.2565 เป็นต้นไป
