นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและนักโทษหนีคดี ได้ร่วมพูดคุยใน CARE Talk x CARE ClubHouse ในตอน ถอดบทเรียนสึนามิ สู้วิกฤตประเทศ กู้เศรษฐกิจอับปาง ผู้นำฉลาดเราถึงจะ “รอด” โดยช่วงหนึ่ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ถามมุมมองต่อการเมืองในปี 2565 อย่างไร นายทักษิณ ตอบว่า ตนคิดว่า ถ้าให้นายกฯตู่ มองว่าตัวเองบริหารไม่ได้ คงรอต้องให้พระอาทิตย์ขึ้นตกทางทิศตะวันออก เพราะคงไม่ยอมรับแน่นอน ท่านยังภูมิใจมั่นใจว่า ท่านแก้ปัญหาไปได้เยอะเลย แต่ท่านไม่ได้คิดว่า ชาวบ้านเดือดร้อน ถ้าท่านไปถามคุณเจริญ (สิริวัฒนภักดี) คุณธนินท์ (เจียรวนนท์) ไม่กี่คนก็คงได้ตำคอบว่าดีมาก ยอดเยี่ยม แต่ถ้าเดินถามชาวบ้านตาสีตาสาไปเดินเยี่ยมโดยไม่มีคนเชียร์แขกคอยเชียร์ ท่านจะรู้ว่าคนเดือนร้อนเยอะ พอท่านไม่รู้ตรงนี้ เพราะไม่มีคนกล้าบอก ท่านก็เลยคิดว่า ตัวเองแก้ปัญหาได้ ถึงเวลาตังไม่มีงบขาดดุลก็ไม่เป็นไรก็ให้นายอาคม(รมว.คลัง)จัดการให้ร่างหนังสือเข้าครม.มาจัดการกู้ซึ่งมันง่าย แต่ระยะยาวทิ้งภาระให้ลูกหลานมากมโหฬารเลย นั่นคือสิ่งที่เป็นปัญหาของนายกทั้งวันนี้และวันข้างหน้า
“ถ้านายกฯตู่หมดอำนาจไป ท่านจะเห็นเลยว่า สิ่งที่จะตามมาคือหนี้ประเทศจะสูงขึ้น หนี้ประชาชนก็จะสูงขึ้นด้วย เพราะว่า การทำมาหากินไม่ดี อันนี้คือสิ่งที่จะเป็นชะนัก แต่ถามว่า ถ้าท่านไม่ลาออกแล้วทำไง ผมคิดว่าในพลังประชารัฐคงจัดการท่านเอง เพราะพลังประชารัฐมีหลายกลุ่มที่บางทีเริ่มไม่มองหน้ากัน จากปัญหาที่มาจากกล้วย” นายทักษิณกล่าว
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า วันนี้ท่านนายกฯคงคิดว่า การแก้ไขประเทศมันง่าย การแก้หนี้ชาวบ้านมันง่าย ตนว่า แก้ไม่เป็นหรอก ถ้าให้ท่านแก้ตามแนวทางท่านก็เหมือนกับชีวิตทหาร เป็นหนี้สโมสร กินข้าว กินเหล้า พอเงินเดือนออกก็หักเงินเดือนจ่าย แต่ชีวิตชาวบ้านมันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะเขาไม่มีเงินเดือนแบบทหาร ตนเห็นใจนะเวลาคนเป็นผู้นำ มันเป็นเรื่องดีครับท่าน เยี่ยมครับนาย ถูกครับนาย นายหล่อจริงๆ ทั้งๆทีหนังเหี่ยวแล้ว นี่เป็นจุดอ่อนของสังคมไทย บางทีกลับไปบ้านต้องให้ลูกเมียเอากระจกให้ดู เพราะนั่นเป็นกระจกที่แท้จริงบิดเบี้ยว เราจะรู้ว่าจริงๆประชาชนคิดอย่างไร แล้วก็อย่าหงุดหงิดกับลูกกับเมียแล้วกัน ถ้าเขาจะตำหนิ
จากนั้น นายทักษิณ กล่าวให้กำลังใจคนไทย ตอนหนึ่งว่า ในปี 2565 ขอให้คนไทยให้ความอดทนใน 1 ปีที่ผ่านมา เป็นจุดเข้มแข็งให้อดทนต่อไปปีครึ่งปี เพราะตนเชื่อว่าครึ่งปีหลังต้องเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่วันนี้ ถ้าเศรษฐกิจฟื้นท่านจะมีโอกาสได้ประโยชน์จากการฟื้นของเศรษฐกิจ และ อยากอวยพร แต่ไม่รู้ว่าอวยพร หรือเป็นการสาปแช่งคนที่ไม่ชอบหน้าตนหรือเปล่า เพราะจะขออวยพรให้ผมได้กลับบ้าน ให้ไปช่วยงาน เพราะที่อยากกลับบ้านคือ 1.เลี้ยงหลาน 2.ใครเป็นรัฐบาลก็ช่าง ถ้าอยากให้ตนช่วยคิดแก้ปัญหาให้ ตนพร้อมไม่คิดตังค์ 3.รับจ้างบรรยายใครเชิญไปบรรยายที่ไหนก็ไปให้โอเลี้ยงแก้วหนึ่งก็พอ 4.ตนจะไปชวนเศรษฐีในเมืองไทย มาลงขันช่วยส่งเสริมสตาร์ทอัพ เพราะเศรษฐีแต่ละคนมีธุรกิจของตัวเอง สตาร์ทอัพก็กลัวถูกกลืน เพราะฉะนั้นตนจะชวนมาลงขัน เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ ใครมีไอเดียมาถ้าไม่ได้เรื่องก็จะช่วยสอนและให้ไปทำมาใหม่ ถ้าได้เรื่องได้ตังค์ไป
“ผมปวารณาตลอดเรื่องพุทธศาสนา ผมอยากเห็นพุทธศาสนาเราเข้มแข็ง วันนี้ค่อนข้างจะเป๋ ผมอยากช่วย คนด่าผมไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว ผมไม่ด่ากลับหรอก ผมจะกลับไปอย่างสันติ ผมจะเปลี่ยนชื่อเป็นสันติก็ยังไงอยู่ แต่ให้รู้ว่า ผมกลับไปไม่เป็นปัญหากับประเทศไทย แต่จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยและคนไทย จะให้ไปชนกับผู้นำประเทศไหน เจรจาทางลับทำได้หมด ถ้าผมกลับไปก็ทำอะไรได้เยอะ ผู้นำทั้งหลายยังเป็นรัฐมนตรีเด็กอยู่ ตอนผมเป็นนายก วันนี้ เป็นประธานาธิบดีแล้วเราคุยได้หมด ก็หวังว่าปี 65 ผมจะเป็นของขวัญให้คนไทย กลับไปทำงานรับใช้คนไทยและประเทศไทยส่วนจะไปเมื่อไหร่ ช่วงไหนของ ผมจะกระซิบน้องอิ๊ง( แพทองธาร ชินวัตร คนเดียว ) คนเดียวคนอื่นไม่บอก เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่” นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวว่า ยืนยันว่าตนกลับมาไม่เป็นภาระคนไทยแน่นอน ตนจะกลับไปเลี้ยงหลาน ซึ่งเป็นเจนอัลฟ่า เพื่อไปบอกเขาว่า จะต้องเจออะไรบ้าง ตนเป็นอาจารย์มาก่อนจะไม่เก็บความรู้ไว้คนเดียว แล้วก็จะเผื่อแผ่ให้ลูกหลานเจนอัลฟ่าฟัง แล้วตนจะกลับไปเป็นเพื่อนตีกอล์ฟกับคุณประยุทธ์ได้ แม้จะตีไม่เก่งเท่าก็ตาม