วันที่ 5 ม.ค. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น ปัจจุบัน พบว่าเด็กและเยาวชนหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อจากการถูกหลอกให้ถ่ายคลิปลามกอนาจารเป็นจำนวนมาก โดยคนร้ายจะใช้วิธีการล่อลวงเด็กผ่านเกมออนไลน์ หลอกว่าจะเติมเงินหรือส่งไอเทมภายในเกมส์ให้ เพื่อแลกกับการที่ต้องส่งภาพลามกอนาจารให้กับคนร้าย ซึ่งเด็กส่วนมากมักจะหลงเชื่อและส่งภาพลามกอนาจารเพื่อแลกกับของในเกมส์ จากนั้นคนร้ายก็บันทึกภาพลามกอนาจารไว้ แล้วนำมาข่มขู่กรรโชกทรัพย์ โดยให้เด็กจ่ายเงินหรือบังคับให้ส่งภาพหรือคลิปลามกเพิ่มเติม หรือมิฉะนั้นจะเผยแพร่ภาพของเหยื่อในสื่อสังคมออนไลน์หรือขู่ว่าจะส่งไปให้ครูอาจารย์ หรือบุคคลที่เด็กรู้จัก ทำให้เด็กเกิดความหวาดกลัวและยอมทำตามคนร้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าห่วงใยอย่างมาก ในการกระทำต่อเด็กและเยาวชน
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ฯ ได้ฝากถึงผู้ที่คิดจะกระทำความผิดหลอกถ่ายภาพหรือคลิปลามกเด็กและเยาวชน จะมีความผิดหลายข้อหาด้วยกัน ดังนี้
– ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287/1
– ส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287/1
-ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309
– กรรโชกทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337
– นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(4)
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เด็กหรือเยาวชนตกเป็นเหยื่อของการถูกหลอกลวง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากไปยัง บิดา มารดา และ ผู้ปกครอง ให้กำกับดูแลและสอดส่อง การใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ และการสนทนากับบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม ทั้งนี้ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
ที่มา : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เรียบเรียง / ชูชัย ดำรงสันติสุข ผู้สื่อข่าว TOP NEWS