วันนี้ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “อย่าคบคนพาล พาลพาไปหาผิด” โดยนายสุวิทย์ ระบุว่า พอตอบปัญหากรณีมีผู้ถามเข้ามาว่า นายธนาธรแอบไปฉีดวัคซีนตอน 1 ทุ่ม ซึ่งเป็นโควตาของคนแก่ พวกสามกีบก็ทนรับฟังความจริงไม่ได้ ถึงขนาดยกเอาประเด็นการหาเสียงของพลังประชารัฐ เรื่อง การยกเลิกรถเมล์ให้ได้ภายในปี 65 มาตีรวน ทำให้นึกถึง ลักษณะของคนพาล เพราะคนพาลจะไม่ชอบฟังเรื่องผิดพลาด เลวร้าย ของตนเองและพวก คนพาลมักมีปกติที่จะบิดพลิ้ว ชอบหยิบยกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับความผิดพลาดของตัวเองและพวกมากลบเกลื่อนหักล้าง เหมือนชี้ให้ดูหมา คนพาลก็หยิบเอาเรื่องควายมาหักล้าง คนพาลไม่ชอบรับฟังหรือรับรู้เรื่องจริง เพราะมันจะเสียบแทงแสลงหู คนพาลชอบฟัง ชอบรับรู้ แต่เรื่องที่ตนเองอยากฟัง เพราะระรื่นหู ทั้งที่มันมีแต่เรื่องเท็จ คนพาลมักมีปกติชอบใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล คนพาลมักจะไม่รู้เหตุ ไม่รู้ผล รู้แต่ว่า นี่คือสิ่งที่ตนชมชอบ
เหล่านี้คือลักษณะของคนพาลที่อยู่ในข้อมโนทุจริต เรียกว่า เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม และขออธิบายให้เข้าใจว่า ที่ชาวบ้านเขาสงสัยต่อพฤติกรรมการเบียดบังเอาวัคซีนของคนแก่มาฉีดในเวลา 1 ทุ่ม ของนายธนาธรนั้น มันคือพฤติกรรมการฉ้อฉล ตลบตะแลง เอาเปรียบคนแก่อย่างชัดเจน คนเขาก็เลยสงสัยกันว่า นี่หรือหัวหน้าแนวคิดที่จะทำการเมืองยุคใหม่ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ทอนก็ก่นด่าการเมืองยุคเก่าว่า บ้าอำนาจ เผด็จการ อภิสิทธิ์ชน เอาเปรียบประชาชน แต่พอทอนมีคนเชียร์เข้าหน่อย ก็ดันมาเอาเปรียบคนแก่ ด้วยพฤติกรรมที่ฉ้อฉลเสียแล้ว เช่นนี้ชาวบ้านเขาก็มีสิทธิ์สงสัยหละซิ
ส่วนเรื่องพลังประชารัฐชูนโยบายเปลี่ยนรถเมล์ร้อนให้เป็นรถเมล์เย็น ภายในปี 65 ทำไมคุณไม่ดูบ้างว่า สังคม เศรษฐกิจ โรคระบาด เงินเพ้อ เงินขาดดุล ที่รัฐและคนไทยทุกคนกำลังเผชิญอยู่นี้ มันเหมาะสมที่จะต้องรีบเปลี่ยนรถหรือไม่ คิดซิคิด หรือไม่เคยใช้ความคิดใคร่ครวญ แยกแยะอะไรเลย เลยใช้แต่อารมณ์พาล เพื่อเอามากลบเกลื่อนความผิดพลาดของตนและพวก