จากกรณี น.ส.ดวงใจ พิจิตอำพล อายุ 33 ปี เจ้าของเพจ EVE’S ได้ทำการไลฟ์สด เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา เล่าเหตุการณ์หลังเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่นำชื่อเพจไปเปิดเฟสบุ้ค เพื่อหลอกขายสินค้าปลอม
ให้กับประชาชน โดยการไลฟ์สดเต็มไปด้วยอารมณ์โมโหกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ว่า “เมื่อไหร่ตำรวจไทยจะเปลี่ยนแปลง หลังเข้าแจ้งความเอาผิดมิจฉาชีพ ทำเพจปลอมนำรูปและผลิตภัณฑ์ของเธอไปตัดต่อ แอบอ้างขายกล่องสุ่ม มีเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินเพียบ นั่งรอ ตร.รับแจ้งความ 3 ชั่วโมง สุดท้ายให้ลงบันทึกประจำวัน ขอคิดก่อนจะทำให้ไหม” นอกจากนี้ยังต่อว่าอย่างดุเดือดกับการทำงานต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับแจ้งความ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมในเวลาต่อมา
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผูบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมสอบสวนกรณีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบการทำงานของ ร.ต.อ.สายยนต์ ทองทา พนักงานสอบสวน สภ.บางแม่นาง ที่รับแจ้งความในวันดังกล่าวพบว่า ผู้เสียหายได้มาแจ้งความเรื่องคนร้ายนำรูปภาพและชื่อของบริษัทไปใช้สร้างเพจหลอกลวงขายของในออนไลน์ จึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บางแม่นาง ซึ่งเรื่องนี้สามารถแจ้งความได้ในข้อหาการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งทาง สภ.บางแม่นาง จะทำการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนให้ใหม่โ ดยใช้พนักงานสอบสวนที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เข้ามาทำคดีแทน
ขณะเดียวกัน ทางโรงพักได้ติดต่อพูดคุยกับผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว ให้เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายไม่ได้รับความสะดวกนั้น ตนเองต้องขอรับผิดชอบในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องเฟสบุ้คที่ทำให้ประชาชนเกิดความเสียหาย สามารถเข้าไปทำการ Report ได้ด้วยตนเอง และถ้าระบุว่า เป็นเฟซบุ๊กปลอม ประชาชนสามารถแจ้งในกลุ่มเพื่อน เพื่อให้ร่วม Report จะทำให้ทางเฟซบุ๊กอเมริกาทราบเรื่องได้เร็วขึ้น
ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจต้องใช้เวลาในการติดต่อกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอน สำหรับการอายัดบัญชีขณะนี้ อยู่ในระหว่างขั้นตอนการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน อีกทั้งปัญหาการใช้อีเมลล์ของพนักงานสอบสวนนั้น สำนักงานตำรวจอยู่ระหว่างพัฒนาระบบเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น