จากกรณี นายประสิทธิ์ และนางน้อย ศีรพวง อายุ 75 ปี สามีภรรยา ชาวบ้านหนองนาคำ ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี พบกะโหลกศีรษะมนุษย์ และชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ อยู่ในบริเวณสวนมะม่วงท้ายหมู่บ้านถ่อนน้อย ม.8 ต.หนองคำ ช่วงสายวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ขณะเดินลัดเลาะทุ่งนามาร่วมงานศพญาติ หลังเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบ ระบุเป็นกระดูกและกะโหลกเพศชาย เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุมาประมาณ 1-2 สัปดาห์ คาดว่าสุนัขคาบมาแทะเนื้อจนเหลือแต่กระดูก และตำรวจได้ส่งตรวจมวลกระดูกและเก็บดีเอ็นเอที่ รพ.ตำรวจ หากมีคนสงสัยว่าจะเป็นญาติของตัวเอง จะได้เปรียบเทียบดีเอ็นเอกับกระดูกที่พบ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564 เวลา 11.40 น. ร.ต.อ.ฐิตินันท์ ศรีเชียงหวาง รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจาก น.ส.นวินดา พรมยาลี อายุ 41 ปี และนางทิพสุดา ดูวิเศษ อายุ 44 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทั้งคู่ บ.ถ่อนน้อย ม.8 ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี ว่ามีชาวบ้านพบโครงกระดูกมนุษย์หลายชิ้นอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล ขนาด 30 ไร่ ที่ชาวบ้านเรียกว่าป่าหลุมหิน
คาดว่าจะเป็นชิ้นส่วนของบุคคลเดียวกันกับที่พบหัวกะโหลก และกระดูกชิ้นส่วนมนุษย์ก่อนหน้านี้ อยู่ในสวนมะม่วงท้ายหมู่บ้าน บ้านถ่อนน้อย ต.หนองนาคำ ช่วงสายวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุรชิต ฤทธิลี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังตำรวจสืบสวน ตำรวจป้องกันและปราบปราม ,ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมายืนมุงดูกันเป็นจำนวนมาก
ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ป่าโคกไม่ได้ใช้ประโยชน์ และเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล น.ส.นวินดา พรมยาลี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ.ถ่อนน้อย นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่รอบบริเวณ โดยมีนายคำพอง สมันวงศ์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.1 บ.หนองนาคำ ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นคนพบคนแรก นำชี้ให้ตรวจสอบชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์กระจักกระจายรวม 7 จุด แต่ละจุดห่างกันตั้งแต่ 5-20 เมตร พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ทะเบียน 2 กฎ 6367 กทม. ตั้งสองขา และพบเสื้อผ้ากางเกงคาดว่าเป็นของผู้ตายกระจัดกระจาย 4 จุด
ตรวจสอบในกระเป๋ากางเกงพบโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า 1 เครื่อง ห่อยาเส้น 1 ห่อ ส่วนใต้เบาะรถจักรยานยนต์พบโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง พบบัตรประชาชน 8 ใบ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2 ใบ บัตร ATM ธ.ออมสิน 1 ใบ สมุดเงินฝาก ธ.ออมสิน 1 เล่ม และหนังสือเดินทาง 1 เล่ม โดยทั้งหมดระบุชื่อบุคคลแตกต่างกันไป อยู่ภายในกระเป๋าแบหญิง และกระเป๋าคาดเอว ถัดไปที่พื้นที่พบอุปกรณ์การเสพยาบ้า ไฟเช็ก 1 อัน และห่อถุงยางอนามัย 2 ห่อ
นอกจากนี้ยังพบพบป้าย พ.ร.บ. ทะเบียนรถจักรยานยนต์ 2 ใบ ระบุทะเบียน 1 กค 1768 อุดรธานี และ1 กย 4390 อุดรธานี ที่ไม่ตรงกันกับทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่ติดเอาไว้ โดยมีหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ แขวนอยู่กระจกด้านซ้าย ที่ตะกร้าหน้ารถพบขวดน้ำดื่มบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก 2 ขวด เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ขวด เปลนอนแบบผ้า 1 ใบ และมีรองเท้าแตะสีดำ 1คู่ และ ถุงเท้า1 ข้าง อยู่ที่พื้นด้านซ้ายของรถจยย. ที่คอนโซนหน้ารถจยย.พบคล้ายหยดคราบน้ำเหลืองจำนวนมาก และมีกระจุกเส้นผมของมนุษย์ ที่พื้นใกล้กับรถจยย.
นายคำพอง สมันวงศ์ เปิดเผยว่า มีที่นาอยู่ใกล้กันกับพื้นที่พบกระดูกมนุษย์ ที่ห่างอยู่ห่างกันราว 1 กม.ทุกวันช่วงเช้าจะออกมาดักจับหนูนาที่ป่าหลุมหินแห่งนี้เป็นประจำ และสังเกตเห็นรถจักรยานยนต์จอดอยู่มานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ทีแรกคิดว่าเป็นรถของชาวบ้าน หรือเจ้าของที่ดินมาซุ่มดูคนที่มาลักลอบตัดไม้ไปทำฟืน และที่ป่าแห่งนี้ชาวบ้านชอบมาดักจับหนูนา หรือมาหาของป่าเหมือนกันกับตน จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร กระทั่งเช้าวันนี้ก็ยังเห็นรถจอดอยู่ที่เดิม จึงขับรถจักรยานยนต์ไปรับยายออกมาดูเป็นเพื่อน พอเข้ามาใกล้จุดที่รถจอดก็ได้กลิ่นเหม็นสาบคล้ายกลิ่นซากศพ เหม็นโชยมารุนแรงมาก พอเห็นกระจุกเส้นผมและกระดูกกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ จึงรีบกลับไปแจ้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทันที
โดยวันที่ทราบข่าวพบหัวกะโหลกที่สวนมะม่วง ตนเองก็ออกมาดูกับคนอื่น เพราะมีที่นาติดกับที่เกิดเหตุ วันนั้นกลับไปนอนเฝ้านาเหมือนทุกวัน แต่ได้กลิ่นซากศพเหม็นตลบอบอวนไปทั้งกระท่อมนาจนนอนแทบไม่ได้ เชื่อว่าน่าจะวิญญาณของหัวกะโหลกมาสื่อให้รู้ว่าตายอยู่จุดไหน เพราะตนชอบออกหาดักหนูนาและของป่าอยู่แล้ว วันต่อมาญาติๆจึงบอกให้ไปจุดธูปบอกดวงวิญญาณ กลิ่นจึงหายไป คิดว่าที่กระดูกกระจัดกระจายแบบนี้ ผู้ตายน่าจะตายอยู่ข้างรถแล้วมีสัตว์มาคาบและกัดแทะกินศพ ป่าหลุมหินแห่งนี้อยู่ติดกับไร่อ้อย ตนเคยเห็นฝูงสุนัขจิ้งจอกอยู่ 2 ฝูง ประมาณ 20-30 ตัว ออกหากินอยู่ในบริเวณนี้ คิดว่าน่าจะเป็นสุนัขจิ้งจอกที่มารุมกินศพ ซึ่งชาวบ้านแถวนี้ทราบดีว่ามีสุนัขจิ้งจอก เพราะลูกสุนัข เป็ด ไก่ ของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้เคยถูกสุนัขจิ้งจอกไล่กินประจำ และได้ยินเสียงเห่าหอนเป็นกลุ่มทุกคืน ” ทำให้ชาวบ้านไม่กล้ามาตอนกลางคืนแถวนี้ กลัวสุนัขจิ้งจอก
นางทิพสุดา ดูวิเศษ อายุ 44 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านถ่อนน้อย ม.8 ต.หนองนาคำ เปิดเผยว่า หลังจากพบกะโหลกมนุษย์อยู่ในสวนมะม่วงท้ายหมู่บ้าน ได้ตรวจสอบทั้งตำบลหนองนาคำและตำบลใกล้เคียง ไม่พบว่ามีคนสูญหาย คาดว่าชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ที่พบเป็นคนต่างถิ่น และอยู่ห่างจากจุดที่พบวันนี้ราว 1 กิโลเมตร และที่ป่าหินหลุมเป็นลักษณะป่าโคก อยู่ทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านชอบมาหาของป่าหน้าแล้งจะดักจับหนู ส่วนหน้าจะมาหาเห็ดและผักหวาน มาแต่ช่วงกลางวัน จะไม่กล้ามาตอนกลางคืน เนื่องจากที่ป่าแห่งนี้มีสุนัขจิ้งจอกอยู่ 2 ฝูง จำนวนหลายสิบตัว ที่ผ่านมาบริเวณใกล้กันก็เคยมีคนผูกคอตาย และจมน้ำเสียชีวิต จึงไม่ค่อยมีคนกล้าเข้ามาในเวลากลางคืน
โดยครั้งแรกที่ตนมาพบบัตรประชาชน ซึ่งระบุเป็นคนในตำบลหนองนาคำ ทางเราตรวจสอบไปทางญาติแล้ว และยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ และเมื่อตรวจค้นใต้เบาะรถพบบัตรประชาชนจำนวนหลายใบ จึงทำให้พบเงื่อนงำในการเสียชีวิตหลายสิ่งหลายอย่าง เชื่อว่าคงถูกฆ่ามาจากที่อื่น แล้วนำศพมาทิ้งเพื่ออำพราง ก่อนถูกสุนัขจิ้งจอกแทะกินศพจนเหลือแต่กระดูก และที่รถจักรยานยนต์พบคล้ายคราบน้ำเหลืองด้วย”
ด้าน พ.ต.ท.สุรชิต ฤทธิลี รองผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมด ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชิ้นกระดูกมนุษย์ของผู้ใด เนื่องจากถูกสัตว์กัดแทะคาบกระจายไปทั่วบริเวณ เบื้องต้นจะตรวจสอบการครอบครองรถจักรยานยนต์ว่าเป็นของบุคคลใด และตรวจสอบบุคคลตามบัตรประชาชนและเอกสารต่างๆที่พบอยู่ในรถ รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง เพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์และสืบหาผู้เสียชีวิต ซึ่งจะส่งชิ้นส่วนกระดูกที่พบในวันนี้ ไปตรวจสอบมวลกระดูกและดีเอ็นเอ ว่าตรงกันกับหัวกะโหลกที่พบก่อนหน้านี้หรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางการสืบสวนหาสาเหตุการณ์เสียชีวิตในการดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
ภาพ/ข่าว กฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.อุดรธานี