นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดเผยผ่านรายการ TOP บ่ายสาม ทางท็อปนิวส์ ถึงกรณีประกาศจุดยืนพรรคมีแนวคิดไม่ซ้ายสุดขั้วและไม่ขวาสุดโต้งว่า สถานการณ์การเมืองของบ้านเราในปัจจุบันเป็น 2 ขั้ว มีความเห็นต่างกันชัดเจน ส่วนการบอกว่าไม่ชู พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น ตนชี้แจงว่าเป็นหลักการประชาธิปไตย พรรคสร้างอนาคตไทย ก็จะต้องชูคนของพรรคมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อีกทั้งท่านพลเอกประยุทธ์ ท่านได้ให้สัมภาษณ์แล้วเช่นกันว่า ท่านไม่เกี่ยวข้องกับพรรคสร้างอนาคตไทย ดังนั้นพรรคไม่ได้ก่อตั้งมาเพื่อร่วมกับพลเอกประยุทธ์ พลเอกประยุทธ์จึงไม่ใช่คนของพรรคที่อยู่ในเงื่อนไขที่พรรคจะเสนอท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนจะกระทบต่อแคนนิยมของพรรคหรือไม่นั้น พรรคทุกพรรคมีอุดมการณ์ทางการเมืองของตัวเอง และการที่ไม่ชูพลเอกประยุทธ์ เพราะพลเอกประยุทธ์ไม่ได้อยู่ในพรรคสร้างอนาคตไทย แต่หากพลเอกประยุทธ์มาเป็นสมาชิกพรรค เราถึงจะชูพลเอกประยุทธ์ได้
นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงกรณีหากร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า และส.ส.รวม 21 คน ที่ถูกขับออกจากพลังประชารัฐติดต่อขอมาอยู่พรรคสร้างอนาคตไทยว่า ในหลักการทางกฎหมายสามารถทำได้ พรรคพร้อมจะรับสมาชิกตลอดเวลา อย่างไรก็ตามยังไม่ได้คุยกัน อีกทั้งร้อยเอกธรรมนัสคงไม่มาพรรคตน เพราะท่านคงมีพรรคของท่าน นอกจากนี้พรรคของตนไม่ตกปลาในบ่อเพื่อน ยกเว้นหากบ่อแตก แล้วปลามันว่ายมาในบ่อเรา แต่ก็ต้องเลือกปลา เพราะเรามีประสบการณ์การเมืองที่เป็นบทเรียน
นายสนธิรัตน์ ยังเล่าถึงความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐเมื่อครั้งตนเองยังอยู่ในพรรคว่า ช่วงนั้นเป็นความขัดแย้งทางความคิด ไม่ได้แตกแยกรุนแรงเหมือนในปัจจุบัน แต่ตนเอาใจช่วยให้พรรคพลังประชารัฐไปรอด ฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ ส่วนพรรคพลังประชารัฐเป็นเรือที่ล่มแล้วหรือไม่ ตนมองว่าอยู่ที่คนในเรือ คนในเรือจะช่วยกันอุดรอยรั่วหรือไม่ ก็ต้องอยู่ที่กัปตันและลูกเรือ