“ไทยพีบีเอส” แจงปมคาใจเลือก”รศ.ดร.วิลาสิณี” กลับมาเป็นผอ.สถานี

การันตี "ชวรงค์"ประธานกรรมการสรรหาไม่มีอิทธิพลเหนือกรรมการรายอื่น ยันเลือกผอ.รอบนี้ สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้

เมื่อวันที่ 27  พ.ค. 64  ฝ่ายสื่อสารองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้ส่งจดหมายชี้แจง กรณีที่ “ท็อปนิวส์” เผยแพร่ข่าวเรื่อง วิสัยทัศน์อับปางในไทยพีบีเอส EP.บนเว็บไซต์ Top News ที่มีเนื้อหากรณีสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. นั้น ไทยพีบีเอสขอส่ง คำชี้แจงคณะกรรมการนโยบาย กรณีการสรรหาผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.)  

คำชี้แจงคณะกรรมการนโยบาย กรณีการสรรหาผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.)  มีเนื้อหาดังนี้

ตามที่นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที หนึ่งในผู้สมัครเข้ารับการสรรหาผู้อำนวยการ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) มีหนังสือหารือมายังประธานกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ซึ่งนายยุทธิยงได้แสดงความคิดเห็น พร้อมตั้งข้อสังเกตผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และสื่อมวลชนบางแห่งได้นำมาเผยแพร่และตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท.นั้น

คณะกรรมการนโยบายได้พิจารณาและตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และเห็นว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนและสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งให้ความสนใจ จึงขอชี้แจงนายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และสาธารณชนไปพร้อมกันในคราวเดียวกันดังนี้

๑. คณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ได้มีบุคคลที่ต้องการให้เป็นผู้อำนวยการอยู่แล้ว จึงได้สร้างกระบวนการวิธีการสรรหาให้เป็นไปตามความต้องการหรือไม่

คณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมาคณะหนึ่ง ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นประธานหรือหัวหน้าหน่วยงานที่สำคัญ จำนวน ๙ คน (รายชื่อคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท.) โดยมีข้อบังคับ ส.ส.ท.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการรับสมัคร และการสรรหาที่ประกาศต่อสาธารณะอย่างชัดเจน (คลิกอ่านรายละเอียด) และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการอย่างเป็นอิสระ โดยคณะกรรมการสรรหา ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เลือกให้นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณีเป็นประธาน

โอกาสที่ประธานกรรมการสรรหาหรือกรรมการสรรหาคนใดจะมีอิทธิพลเหนือกรรมการสรรหาที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน ๙ คน ถึงกับออกกำหนดกฎเกณฑ์การคัดเลือกหรือชักจูงผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

ยิ่งกว่านั้นการรับสมัครผู้ประสงค์จะได้รับการสรรหาเป็นผู้อำนวยการ ก็ได้มีการขยายเวลารับสมัครเพิ่มเติมอีก ๑๔ วัน เพื่อเปิดโอกาสให้มีผู้สนใจสมัครมากขึ้น

ในส่วนของการกำหนดคุณลักษณะของผู้สมัคร เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ในมาตรา ๓๒ ของพระราชบัญญัติ ส.ส.ท. พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานทั่วไป ประกอบกับคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง ได้แก่

(๑) เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑.๑) เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ โดยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้นเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า ๓ ปี
(๑.๒) เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากหน่วยงานภาคเอกชนที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า ๕๐๐ ล้านบาทต่อปี หรือมีพนักงานในองค์กรไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ คน โดยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้น เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า ๓ ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร
(๑.๓) เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารสถาบันวิชาการด้านสื่อสารมวลชนหรือนิเทศศาสตร์ โดยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าคณบดี เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า ๓ ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร

(๒) ผู้มีคุณสมบัติตามข้อ (๑) ต้องมีประสบการณ์ในการบริหารไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี โดยมีผลสำเร็จในการบริหารงานเป็นที่ประจักษ์

(๓) มีความรู้ความเข้าใจเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๑ เข้าใจภูมิทัศน์ ความเป็นสื่อสาธารณะ และมีประสบการณ์การบริหารเชิงกลยุทธ์

คุณสมบัติดังกล่าวนี้ส่วนใหญ่เป็นไปเช่นเดียวกับการกำหนดคุณสมบัติในการสรรหาผู้อำนวยการที่ผ่านมา โดยคำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ที่เหมาะสมกับการบริหารองค์กรสื่อขนาดใหญ่เป็นสำคัญ

๒. เหตุใดคณะกรรมการสรรหา จึงไม่ส่งรายชื่อผู้สมัครทั้ง ๕ คน ให้คณะกรรมการนโยบายได้มีโอกาสฟังวิสัยทัศน์และสอบถามทั้งหมด ๕ คน แต่กรรมการสรรหาส่งผู้ผ่านการสรรหาในรอบแรกเพียง ๒ คน

คณะกรรมการสรรหาได้ปฏิบัติตามข้อบังคับองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการรับสมัคร และการสรรหาผู้อำนวยการ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้หน้าที่ “กลั่นกรอง” และ “สรรหา” ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เหมาะสม และสมควรที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ จำนวน “ไม่น้อยกว่า ๒ คน และไม่เกิน ๕ คน” เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเพื่อคัดเลือกเหลือ ๑ คน ตามข้อ ๙.๑ ของข้อบังคับดังกล่าว

ในการทำหน้าที่ “กลั่นกรอง” และ “สรรหา” นั้น คณะกรรมการสรรหาได้ประชุมและกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณา ซึ่งสอดคล้องกับการกำหนดคุณสมบัติตามข้อ (๑) ดังนี้
(๑) ประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กร
(๒) มีจิตสาธารณะ มีประสบการณ์ในการทำงานด้านสาธารณะอื่นๆ
(๓) วิสัยทัศน์ เรื่องการบริหารจัดการองค์กรสื่อสาธารณะ
(๔) กลยุทธ์การบริหารจัดการองค์กร

ในการนี้คณะกรรมการสรรหาได้กำหนดแยกการให้คะแนนในแต่ละข้อ โดยคะแนนรวมของทุกข้อจะต้องได้คะแนนร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ผ่านเกณฑ์คะแนนเพื่อเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพิจารณาเพียง ๒ คน

เกณฑ์ในการพิจารณาทั้งสี่ข้อดังกล่าว ได้แสดงให้เห็นชัดเจนในหนังสือถึงผู้สมัครเพื่อเชิญให้มานำเสนอวิสัยทัศน์และรับการสัมภาษณ์แล้ว (หนังสือเชิญนำเสนอวิสัยทัศน์)

๓. ผู้สมัครไม่มีโอกาสตอบคำถาม หรือใช้สื่อประกอบการนำเสนอวิสัยทัศน์

ในการแสดงวิสัยทัศน์ คณะกรรมการสรรหาประสงค์ที่จะให้ผู้สมัครได้แสดงให้เห็นถึงแนวคิดในการบริหารองค์กร ความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการองค์กรสื่อสาธารณะ โดยไม่มีโน้ตย่อหรือเอกสารประกอบ เพราะต้องการให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ด้วยวาจา (ปากเปล่า) ตามข้อบังคับที่ ๙.๑ และได้แจ้งให้ผู้สมัครทุกคนได้รับทราบเกณฑ์การนำเสนอวิสัยทัศน์ (หนังสือเชิญนำเสนอวิสัยทัศน์) โดยระบุในหนังสือเชิญผู้สมัครทุกคนให้มาแสดงวิสัยทัศน์ว่า “ให้ท่านนำเสนอวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการองค์การต่อคณะกรรมการสรรหาโดยปากเปล่า ไม่ใช้สื่อการนำเสนอประกอบ” ทั้งนี้วิสัยทัศน์ด้วยเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร ได้ให้เสนอมาพร้อมกับใบสมัครแล้ว

คณะกรรมการสรรหามีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่จะไม่ซักถามผู้สมัครทุกรายด้วยวาจา แต่ได้เตรียมคำถามไว้รวม ๒ ข้อ ประกอบด้วยคำถามหลักที่ผู้สมัครทุกรายต้องตอบ และคำถามรองซึ่งเป็นคำถามที่คณะกรรมการสรรหาเตรียมไว้ ๓ คำถามใน ๓ ซอง เพื่อให้ผู้สมัครแต่ละรายเลือกคำถามเพียง ๑ ซอง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครทุกคน ไม่เปิดโอกาสให้มีถามคำถามเพื่อสนับสนุนหรือทำให้ผู้สมัครบางคนด้อยค่าลง

คณะกรรมการนโยบาย ได้คำนึงถึงการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท.ที่ต้องเป็นไปด้วยความสุจริต โปร่งใสและตรวจสอบได้ ทั้งนี้ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนในกระบวนการสรรหา ที่คณะกรรมการสรรหาได้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการนโยบายกำหนดทุกประการ คณะกรรมการนโยบายได้รับทราบและมีความเห็นร่วมกันว่า การสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท.ครั้งนี้เป็นไปโดยชอบแล้ว

คณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"บิ๊กจ้าว" ลงดาบ "ผกก.สน.หนองค้างพลู" สั่งปลดออกจากราชการ ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง ม.157
สีกากียอมรับ "บิ๊กต่าย" ไม่หวั่นโดนบางฝ่ายบีบวางมาตรฐานแต่งตั้ง "ตร." "เอก อังสนานนท์" คือผู้ยืนยัน
"หลวงพี่น้ำฝน" แจงสั่งตามลูกศิษย์ ส่งตัวให้ตร. ยืดอกรับผิด ย้ำไม่สนับสนุนความรุนแรง เตือน "พระปีนเสา" ปากจะพาเดือดร้อน
"ศปช." ย้ำ "ภาคใต้" ฝนกระหน่ำต่อเนื่อง “ภูมิธรรม” กำชับเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
"ภรรยา-ลูกสาว" ของหมอบุญ เข้ามอบตัวกับตร. ตามหมายจับร่วมกันฉ้อโกง กว่า 7.5 พันล้านบาท
“บิ๊กก้อง” สั่ง ปอศ.ส่งสำนวน ‘หมอบุญ’ ฉ้อโกงปชช.-หลอกลวงลงทุน ให้ดีเอสไอ เป็นคดีพิเศษ
"พิชัย" นำทีมพณ.เจรจา รมต.การค้า 7 เขตเศรษฐกิจเอเปค เพิ่มเชื่อมั่นไทยเป็นศูนย์กลางผลิตสินค้าอุตฯสมัยใหม่
หนุ่มเจ้าของบริษัท ผวา พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดซุกซ่อนอยู่ใต้ท้องรถยนต์เก๋ง
แนะยุบ กกต.ทิ้ง เทพไท แฉ เลือกตั้ง อบจ.เมืองคอนซื้อเสียงเปิด เผย โวย กกต.นั่งดูตาปริบๆ แนะยุบทิ้งดีกว่ามั้ย
"เชน ธนา" พาสื่อทัวร์โกดัง ยันสินค้าอยู่ครบ ไม่ได้แอบขายเอาเงินไปใช้ตามข่าว ย้ำชัดไม่ได้โกงคู่กรณี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น