เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 65 ที่ศูนย์เยาวชนหลักสี่ พรรคไทยภักดีได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมของเขตหลักสี่-จตุจักร นำโดย นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี , นายชาญเทพ เสสะเวช เลขาธิการพรรคฯ ,นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากจังหวัดต่างๆ และเครือข่ายปกป้องสถาบันร่วมกันปราศรัย และยังมีนายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มาร่วมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ
โดยนายพันธุ์เทพ ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร ระบุว่า ทุกวันนี้ตนเองเบื่อการโกงชาติ เบื่อการทุจริตคอร์รัปชั่น และเบื่อการสร้างความแตกแยก จึงทำให้ตัดสินใจมาทำการเมือง และคนที่เข้าไปในสภาปัจจุบันนี้ ก็เข้าไปเพื่อต่อรองอำนาจ แต่ไทยภักดี จะเข้าไปในสภาพเพื่อทำการตรวจสอบปราบปรามการทุจริตอย่างเข้มข้น และจะเข้าไปจัดการกับคนที่จะมาสร้างความแตกแยกของคนไทย แล้วก็นเองรับไม่ได้ที่มีกลุ่นบางกลุ่มเข้ามาต่อรองเพื่อสร้างความแตกแยก และพรรคไทยภักดีอาจไม่ได้ยืนอยู่ตรงกลาง แต่ยืนอยู่ข้างความถูกต้องแน่นอน จึงอยากขอแรงชาวหลักสี่ และขอแรงสนับสนุนจากประชาชนที่มีความเชื่อความศรัทธาว่าการเมืองสะอาดยังมีอยู่จริง และพรรคไทยภักดีจะขอนับ1จากเขตจตุตักรหลักสี่ และจะไม่เข้าไปทำละครการเมืองแต่จะเข้าไปทำเพื่อผลประโยชน์ของคนไทยทุกคน ทั้งนี้จึงขอเรียกร้องไปยังพลังเงียบให้ออกมาใช้สิทธิ และออกมาสร้างความสามัคคีให้กับประชาชน
ขณะที่ นายแพทย์วรงค์ หัวหน้าพรรค ปราศรัยขอบคุณผู้สนับสนุนพรรคไทยภักดี พร้อมระบุว่า วันนี้มาประกาศเชิญชวน ปลุกประชาชน ว่าทุกคนมีสิทธิเท่ากัน และเมื่อไรคนที่มีอำนาจมักจะพูดส่าเขาทาจากประชาชน แต่สมบัติของชาติของราขการจะต้องมาถึงประชาชนอย่างเท่าเทียม ดังนั้นผลประโยชน์ที่กลับมาต้องเท่ากัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันไม่เท่ากัน และเมื่อกาใครไปแล้วได้เขาอำนาจไปแล้ว สิ่งที่ตามมาคือการทุจริตคอร์รัปชั่น และตนเองห็ต่อสู่กับการทุจริตคอร์รัปชั่นมาตลอด อย่างกรณีของโครงการรับจำนำข้าว ก็อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งเช่นกันและล่าสุดที่ตนเองมาต่อสู้เรื่องดาวเทียมไทยคม ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่มาก เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้นายทุนที่ไม่ไหลมาสู่ประชาชน และจากการต่อสู้ดาวเทียม2ดวงกำลังจะตกเป็นของประชาชน
ทั้งนี้พรรคไทยภักดีเชื่อว่า ปัญหาทุกวันนี้คือการทุจริตคอร์รัปชั่น จนทำให้เกิดการสร้างความแตกแยก และที่ผ่านมาไม่มีพรรคไหนจะมาปราบโกง แต่พรรคไทยภักดี เป็นพรรคแรกที่ประกาศตัวชัดเจนว่าจะมาปราบโกงพร้อมมองว่า การเลือกตั้งในวันที่ 30 ม.ค. เป็นการชี้เป็นชี้ตายประเทศ และไทยภักดีจะใช้อุดมการณ์สร้างชาติมาเป็นอุดมการณ์ในการต่อสู้ ดังนั้นจึงอยากสื่อสารไปยังประชาชน ว่าการเลือกตั้งรอบนี้ เหลือผู้สมัคร5พรรค และมีพรรคที่ตนเองเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ และเป็นบ้านของตนเองมาก่อนที่ไม่ได้ลงสมัคร ก็คือพรรคประชาธิปัตย์ จึงอยากสื่อสารไปยังเอฟซีของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า พรรคไทยภักดี กับประชาธิปัตย์ยังมีแนวทางสอดคล้องกัน จึงอยากขอคะแนนจากฐานแฟนคลับของพรรคประชาธิปัตย์ให้กับพรรคไทยภักดี และหากลงคะแนนให้ มั่นใจได้ว่า จะไม่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ผิดหวังด้วยเช่นกัน และพรรคไทยภักดี ก็จะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับพลเอกประยุทธ์ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะปกป้องพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคหลักของรัฐบาล หากโกงก็จะต้องออกไป แต่หากปกป้องผลประโยชน์ของชาติก็จับมือกันได้ พร้อมมองว่าวันนี้พรรคหลักของรัฐบาลกำลังแตกแยก แบ่งเป็นมุ้ง และไม่รู้ว่ามุ้งไหนจะมากระซวกรัฐบาล แต่มั่นใจได้ว่า พรรคไทยภักดี จะใช้ใจ ไม่ใช้กล้วยอย่างแน่นอน
นายแพทย์วรงค์ ยังบอกอีกว่า หนึ่งเสียงครั้งนี้จะเป็นหนึ่งเสียงที่ทรงพลัง ที่จะเป็นจิตวิทยาว่าพลังแห่งความดีชนะทุกอย่าง และจะเป็นโดมิโน่ตัวแรกในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย
ด้าน พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ระบุ ตนเองไม่ใช่ สมาชิกพรรคไทยภักดีแต่มีอุดมการปกป้องสถาบันเช่นเดียวกันและพรรคนี้ชูนโยบายกังกล่าวขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม และถ้าหากพรรคนี้ได้รับเลือกตั้งต้องการที่จะให้มีการตรวจสอบระบบของกระทรวงยุติธรรมในการปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองอย่างเร่งด่วน/การต่อสัญญาดาวเทียมไทยคม/และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนหลักสี่ ในโครงการดูแลผู้สูงอายุ/คนพิการและผู้ป่วยติดเตียงโดยตนจะเดินหน้าผลักกันช่วยอีกแรงอย่างเต็มที่และยืนยันตนเองไม่ได้โม้ทำจริง ดูได้จากการจัดเตรียมเตียงสนามหลายพันเตียงเพื่อคนไทยทุกคน พร้อมทิ้งท้ายว่า ‘เชื่อหมอเหรียญทองดีกว่าเชื่อหมาขี้เรื้อน’
สำหรับการจัดเวทีปราศรัยในวันนี้ มีประชาชนเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยตั้งแต่ช่วงเย็น จนถึงปิดเวที และจะมีการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายอีกครั้ง 28 ม.ค.ก่อนจะมีการเลือกตั้ง