วันนี้ (7 ก.พ.65) นายประเสริฐ แสงเมฆ อายุ 50 ปี ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็กบางกระเฌอ หาดแม่รำพึง อ.เมืองระยอง เปิดเผยว่า ปกติก่อนมีเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลกลางทะเล ได้ออกเรือจับสัตว์น้ำประจำทุกครั้ง จะพบฝูงปลาเล็กๆ และจำพวก ปลาหัวอ่อน ปลารัง ปลาสีขน ปลาหลังเขียว ขึ้นเป็นฝูงให้เห็นขึ้นบริเวณที่พบเป้นประจำ ซึ่งปัจจุบันไม่พบเห็นเลย ทั้งนี้กลุ่มประมงมีความกังวลเรื่องคราบน้ำมันอย่างมาก ไม่รู้ว่าสัตว์ทะเลที่อยู่ใต้น้ำที่เจอน้ำมันดิบกับสารเคมี ไม่รู้ว่าจะรู้ว่าอยู่ตรงนั้นหรือไม่ และเมื่อนำมารับประทานจะส่งผลกระทบการผู้บริโภคหรือไม่ ซึ่งมีความกังวลมาก อยากให้บริษัทต้นตอปล่อยน้ำมันรั่วเร่งเข้ามาฟื้นฟูโดยเร็ว ส่งเจ้าหน้าที่มาดำน้ำสำรวจท้องทะเล เนื่องจากกลัวว่าจะมีก้อนน้ำมันหรือที่เรียกว่าทาร์บอลหลงเหลือหรือตกค้างอยู่ใต้ท้องทะเล ซึ่งหากเร่งฟื้นฟูใต้ท้องทะเล จะทำให้ทรัพยากรกลับมาอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำต่อไป
ชาวบ้านหาดแม่รำพึง ชี้สัตว์น้ำชุกชุมหายไป! เผยยังกังวลผลกระทบน้ำมันรั่ว
ข่าวที่น่าสนใจ
ด้าน น.ส.สำรวย วิไลแลง อายุ 46 ปี เจ้าของร้านใบตองซีฟู๊ด ริมหาดแม่รำพึง ได้กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุน้ำมันรั่วก็ปิดร้านมาจนถึงขณะนี้ เช่นเดียวกับแม่ค้าตลอดแนวชายหาดแม่รำพึง ขาดรายได้วันละ 1,500-2,000 บาท เกี่ยวกับเรื่องเยียวยา ไม่ควรเรียกว่า เยียวยา ควรเรียกว่า รับผิดชอบความเสียหายจากน้ำมันรั่ว เพราะความผิดเกิดจากความผิดพลาดของบริษัท SPRC ฉะนั้นควรลงมารับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด ส่วนเรื่อง การกินอาหารทะเลโชว์ มันอาจจะเร็วไป เพราะการกินครั้งเดียวย่อมปลอดภัยแน่ แต่กับชาวประมงและชาวบ้านรวมถึงนักท่องเที่ยว หากกินบ่อยครั้งย่อมเกิดการสะสมในร่างกายแน่นอน กว่าจะรู้ร่างกายก็แย่แล้ว ใครจะรับผิดชอบ สิ่งสำคัญควรจะกำจัดให้น้ำมันหมดไปจากทะเล และ เร่งฟื้นฟูให้ธรรมชาติของทะเลกลับสู่ปกติโดยเร็ว จะดีกว่ามาสร้างภาพ เพราะยังพบคราบน้ำมันที่เป็นฟิล์มลอยมากับคลื่นตลอด
เช่นเดียวกับ แม่ค้ารถจยย.ขายปลาเค็ม ได้เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุน้ำมันรั่วยังคงต้องออกมาเร่ขายปลาเค็มเพื่อหารายได้ประทังชีวิตแต่ บางวันขายไม่ได้เลย คนกลัวว่าปลาจะมีน้ำมันอยู่ในปลา ซึ่งถ้าเปรียบกับช่วงโควิด ถือว่าช่วงโควิดยังพอขายได้บ้าง แต่น้ำมันรั่วขายไมได้เลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง