12 กุมภาพันธ์ 2565 .-นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทางด้าน นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้เขียนเฟซบุ๊ก ถึงการประชุมสภา และทางด้านฝ่ายค้านขอตรวจสอบองค์ประชุมของรัฐบาล จนเกิดปัญหาสภาล่มบ่อยครั้ง โดยนายสมชายระบุว่าปัญหาสภาล่ม17ครั้งแก้ไม่ยาก ไม่ต้องยุบสภาแต่ต้องแก้เด็ดขาด ถึงคราวประชาชนต้องจัดหนักจัดเต็ม
“หน้าที่ของสมาชิกสภาคือการเข้าประชุมเพื่อทำหน้าที่ การที่สมาชิกเข้าอยู่ในที่ประชุมแล้วไม่แสดงตนเพื่อไม่ให้นับตนเป็นองค์ประชุม เป็นการจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้สภาเสียหาย ทำไมไม่ผิด157 ทำไมไม่ผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง”
"แรมโบ้" เห็นด้วย "สว.สมชาย "ชี้ช่อง ประชาชน ยื่นสอบ ส.ส.สันหลังยาว ไม่ทำหน้าที่ประชุม ผิดจรรณยาบรรณ ร้ายแรง อย่าให้มีที่ยืนในสภาอันทรงเกียรติอีกต่อไป
ข่าวที่น่าสนใจ
โดยทางด้านนายสมชายเสนอให้มีคนรวบรวมข้อมูลนำข้อกฎหมายร้องต่อปปช.ให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนเอาผิดจริยธรรมร้ายแรงและส่งดำเนินคดีต่อศาลฎีกาก็พอครับ โดยมีข้อกฎหมายและแนวทางดำเนินการ 4 ขั้นตอน ดังนี้
1) ยื่นคำร้องต่อสภา เพื่อตรวจสอบรายชื่อและพฤติกรรมว่ามีใครบ้าง ที่ไม่ร่วมประชุมไม่ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมหรือลงมติ เป็นประจำ จนถือเป็นการจงใจทำให้สภาผู้แทนราษฎรล่ม17ครั้ง และเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายหรือขัดขวางให้สภาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ทางนิติบัญญัติได้
2)ตรวจสอบและสรุปการกระทำของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้นว่า เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 234(1) และมาตรา 235 (1) ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 28 (1) และมาตรา 87 และมีความผิดร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระฯ พ.ศ.2561 หมวด 1 ข้อ 7 หมวด 2 ข้อ 12 ข้อ 17 ข้อ21 และข้อ22 และข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎรราษฎรและกรรมาธิการ พศ. 2563 ข้อ 4 ข้อ7 ข้อ8 ข้อ14 หรือไม่
3)ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช) ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ หากปปช.มีมติชี้มูลความผิด ปปช.ต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกา เพื่อวินิจฉัยต่อไป
4)เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้รับคำร้องไว้ ส.ส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที !!! และหากศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าเป็นการกระทำผิดฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ส.ส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ต้องพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และอาจถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปีด้วย
นายเสกสกล กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวตนนั้นเห็นด้วยอย่างยิ่งกับนายสมชาย ว่าถึงเวลาที่ประชาชน ผู้เป็นนายจ้างตัวจริง เสียงจริง จะต้องดำเนินการจัดการกับพวก ส.ส.สันหลังยาว เสียที เพราะทุกคนรับเงินเดือน ครบทุกบาท ทุกสตางค์ แต่ไม่ยอมทำงาน ตามที่นายจ้างนั้นได้ว่าจ้างไว้ แบบนี้ เป็นอันว่า ส.ส.เหล่านี้ทุจริตต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง ผิดต่อจรรยาบรรณ การทำหน้าที่อย่างยิ่ง ส.ส. อันได้ชื่อว่าผู้ทรงเกียรติ แต่เวลานี้หลายคนทำตัวยิ่งกว่ากุ๊ยข้างถนนเสียอีก ถึงเวลาทำงาน ก็ไม่ทำงาน ซ้ำยังเอาหน้าที่การงานมาเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และนายใหญ่ ของตัวเอง แบบนี้ จะอยู่ไปทำอะไร
“หากมีนักกฎหมายคนใด หรือประชาชน ที่พร้อมจะเดินหน้าดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตนเองพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ จะต้องให้บทเรียนกับ ส.ส.สันหลังยาวพวกนี้เสียบ้าง ว่าถึงเวลานายจ้างตัวจริงเขาไม่ทนอีกต่อไป ถึงเวลาที่ประชาชนต้องแสดงออกอย่างชัดเจนเสียทีว่า ไม่ต้องการ ส.ส. ที่ทำเพื่อตนเอง และพวกพ้อง แต่ประชาชนต้องการ ส.ส. และนายกฯที่ทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง เพื่อประชาชนอย่างแท้จริงๆ แบบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังนั้น หากมีนักกฎหมาย หรือ ประชาชนจะดำเนินการเรื่องนี้ สามารถประสานมาที่ตนเองได้ตลอดเวลา ยินดี ช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อจัดการ กับสส.บางคนบางพรรคที่ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบต่อประชาชนเหล่านี้ไม่ให้มีที่ยืนในสภาอันทรงเกียรติต่อไป ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-