วันที่ 1 มี.ค. 2565 พ.ต.อ.พรพรหม จักษุรักษ์ ผกก.สภ.เมืองระนอง ได้รับแจ้งจากสายข่าว มีแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองชาวเมียนมา มาแอบหลบซ่อนอยู่ภายในเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่ง ซอยมิตรภาพ1 ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง จึงส่งกำลังชุดป้องปรามอาชญากกรม พร้อมชุดสายตรวจ สภ.เมืองระนอง และประสาน ตม.ระนอง,ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่25 กองกำลังเทพสตรี,สาธารณสุขจังหวัดระนอง เข้าร่วมทำการตรวจสอบทันที
ในที่เกิดเหตุ พบเป็นเกสต์เฮาส์ เปิดบริการห้องพัก จำนวน 11 ห้อง ตลอด 24 ช.ม. และห้องพักจำนวน 6 ห้อง มีกลุ่มแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองชาวเมียนมา เข้าพักอยู่ ห้องละ 4-8 คน เจ้าหน้าที่เรียกให้ออกมานั่งรวมกันหน้าห้องพักแต่ละห้อง รวมทั้งสิ้น 45 คน แยกเป็นชาย 22 คน หญิง 22 คน และเด็กชายวัย 8 ขวบ ติดตามมาราดา อีก 1 คน โดยชายเจ้าของเกสต์เฮาส์ได้ปฎิเสธรู้เห็นเกี่ยวกับการเข้ามาพักในเกสต์เฮาส์ ก่อนเข้าพักปกติ ลูกจ้างดูแลห้องพัก จะทำการตรวจหนังสือพาสปอร์ตแรงงาน และคาดแรงงานกลุ่มนี้จะหลบหนีเข้ามาในห้องพักเวลากลางคืน ซึ่งจะมีคนไทยและคนเมียนมา เข้ามาเช่าห้องพักไว้ให้ก่อนหน้า
จากการสอบสวนเบื้องต้น พ.ต.อ.พรพรหม จักษุรักษ์ ผกก.สภ.เมืองระนอง กล่าวว่า แรงงานต่างด้าว ได้แอบเดินทางหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จากเมืองเกาะสอง ประเทศเมียนมา ด้วยเรือหางยาวข้ามลำน้ำกระบุรี เข้ามาในเวลากลางคืน จากนั้นมีการแอบขนคนเป็นกองทัพมด ด้วยรถจักรยานยนต์ เข้ามาซุกในเกสต์เฮาส์กลางเมืองระนอง โดยนายหน้าเตรียมส่งไปทำงานยังจังหวัดชั้นใน คือจ.ภูเก็ตและจ.สุราษฎร์ธานี เสียค่าใช้จ่ายอย่างต่ำรายละ 20,000 บาท โดยแรงงานทั้งหมด 45 ราย เจ้าหน้าที่ สสจ.ระนอง ได้ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข มาทำการตรวจหาเชื้อ ป้องกันโรคโควิด-19 ก่อนจะถูกส่งไปยังสถานที่กักตัว LQ กองร้อย ตชด.415 จำนวน 14 วัน ก่อนส่งดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป
กฤษดา เอกวานิช /จ.ระนอง