เริ่มแล้ว ฤดูหารังผึ้งป่าจากธรรมชาติ คั้นน้ำสดๆขายข้างทาง สร้างรายได้อย่างงาม

เริ่มแล้ว ฤดูหารังผึ้งป่าจากธรรมชาติ คั้นน้ำผึ้งสดๆขายข้างทาง แถมทุกส่วนยังนำกลับไปใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย แม้คนหาผึ้งจะเจ็บตัวเพราะโดนผึ้งต่อยบ้าง แต่ก็ยอมเจ็บเพราะว่ามีรายได้ดี และแม้ว่าปีนี้จะหายากกว่าทุกปี เนื่องจากปีนี้มีสภาพอากาศแปรปรวนมาก ทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังขายดีอยู่เหมือนเดิม

วันที่ 14 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ บริเวณริมถนนหมายเลข 2076 สาย อ.ท่าตูม – อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ช่วงหลัก กม.ที่ 14 ก่อนถึงบ้านสำโรง-หนองกา ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ประมาณ 500 เมตร บริเวณสองข้างทาง จะมีแผงขายของป่าตั้งอยู่เรียงรายกันเป็นจำนวนมาก และในช่วงนี้ก็จะมีรังผึ้งมาป่าวางขายกันเป็นจำนวนมากทุกแผงขาย ซึ่งเป็นสินค้าและอาชีพหนึ่งที่มีแต่เฉพาะช่วงหน้าแล้ง นั่นก็คืออาชีพหารังผึ้งป่ามาขาย ซึ่งมีอยู่เป็นประจำทุกปี ในช่วงปลายเดือน กุมภาพันธุ์ ถึงเดือน เมษายน เนื่องจากมีรังผึ้งป่าเกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก และมีรสชาติดี ตามคำที่ว่า น้ำผึ้งป่าจะให้อร่อย ต้องเป็นน้ำผึ้งป่าเดือนห้าเท่านั้น ซึ่งก็ตรงกับช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนพอดี

โดย นางสาวนัดธิตา พงษ์พานิช อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 235 หมู่ที่ 4 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาแม่ค้าที่มาเปิดแผงขายรังผึ้งป่าที่บริเวณริมถนนสายนี้ ก็ได้เปิดเผยว่า ตนทำอาชีพนี้มาหลายปีแล้ว ซึ่งคนในหมู่บ้านต่างก็ออกหารังผึ้งป่ามาขายเช่นกันหลังจากว่างเว้นจากการทำนา โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่คนในหมู่บ้านไม่มีงานทำ จึงพากันมาทำอาชีพเสริม เพราะหมู่บ้านเราติดกับหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.5 (หินล้ม-พนมดิน) เหมาะกับอาชีพหาของป่าขาย ถ้าเป็นหน้าแล้งก็จะเป็นรังผึ้งป่ากับไข่มดแดง ส่วนหน้าฝนก็จะเป็นเห็ดป่าและผลไม้ป่า ซึ่งเป็นของที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่มีมากมายตามฤดูกาล แล้วแต่สภาพอากาศ การหารังผึ้งป่าต้องออกหากันแต่เช้า เพราะกว่าจะออกไปหาได้ก็เกือบทั้งวัน ถ้าหาได้เร็วก็จะนำออกมาวางขายได้ทันช่วงบ่ายๆ ซึ่งทันกับช่วงที่คนเลิกงานเดินทางกลับบ้านพอดี แต่ถ้าหาได้ตอนเย็นก็จะนำออกมาวางขายตอนเช้า แต่ช่วงบ่ายจะขายดีกว่า

“สำหรับวิธีการหารังผึ้งป่า เราก็จะนำเอากาบมะพร้าวแห้งมาเผาเอาควันไล่ผึ้ง บางคนก็จะใช้มีดตัดเอากิ่งไม้ที่มีรังผึ้งเกาะอยู่เอามาเลย แต่คนในหมู่บ้านจะไม่มีใครใช้สเปรย์สารเคมีฉีดเพื่อไล่ผึ้ง ซึ่งจะมีอันตรายต่อคนกิน และกลัวจะเสียลูกค้าหากเขารู้ภายหลัง ต่อไปเขาก็จะไม่มาซื้อของเรา ชาวบ้านที่นี่เราคุยกันแล้วว่าจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด เพื่อของป่าของเราจะได้เป็นของจากธรรมชาติจริงๆ ไม่มีสารเคมีเจือปน ส่วนคนที่เริ่มออกหารังผึ้งป่าแรกๆ ก็มักจะโดนผึ้งต่อยหนักบ้างเบาบ้างก็แล้วแต่สถานการณ์ กว่าจะได้รังผึ้งป่ามาหนึ่งรัง ก็เจ็บตัวไปตามๆ กัน ส่วนคนที่ออกหามานานแล้วก็มักจะโดนจนชิน จนไม่มีความรู้สึกอะไรมากนอกจากแสบๆ คันๆ เท่านั้น แต่ถึงเจ็บก็ยังออกไปหารังผึ้งกัน เพราะมีรายได้ดี บางคนหาได้เป็นพันบาทต่อวัน ส่วนตนนั้นก็หาเองด้วยแต่ก็ยังไม่พอขาย จึงได้รับซื้อกับญาติๆกันที่ออกไปหาผึ้งมา ซึ่งก็เอามาวางขายได้วันละ 3-4 พันบาทต่อวัน แต่ปีนี้ยอดจะตกกว่าปีที่แล้วหน่อย ซึ่งปีที่ผ่านมานั้นขายได้ถึงวันละ 6-7 พันบาทต่อวันเลยทีเดียว และในปีนี้ผึ้งก็จะแพงกว่าทุกปีด้วย เพราะหายาก รังผึ้งไม่ค่อยมีเหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากปีนี้มีสภาพอากาศแปรปรวนกว่าทุกปี น้ำในรังผึ้งจึงมีไม่มาก ทำให้น้ำผึ้งป่ามีราคาพุ่งขึ้นจากเดิมขายขวดละ 550 บาท แต่มาปีนี้ต้องมาขายที่ขวดละ 600 บาท แต่ถ้าจะให้ส่งให้ ก็ต้องบวกค่าส่งอีก 100 บาท ” นางสาวนัดธิตา กล่าว

 

นางสาวนัดธิตา ยังกล่าวอีกว่า สำหรับราคารังผึ้งในปีนี้ก็เริ่มต้นที่รังละ 100 บาท ไปจนถึงราคารังละ 300 บาท มีทั้งในส่วนที่เป็นน้ำผึ้งและตัวอ่อน ซึ่งลูกค้าบางรายก็อยากได้น้ำผึ้งป่าสดๆ เราก็บริการคั้นให้ฟรีอีกด้วย โดยให้ลูกค้าเลือกเอาเองว่าจะเอารังไหน เลือกเอามาเองเลย ตนก็จะเอามาคั้นให้เห็นสดๆกันเลย ลูกค้าจะได้มั่นใจว่าเป็นน้ำผึ้งสดจริงๆ ไม่มีสิ่งเจือปน จากนั้นส่วนที่เป็นเกสรผึ้งซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องสุขภาพ ลูกค้าบางรายก็จะขอเอากลับไปดองไว้กิน และในส่วนขี้ผึ้งที่ได้จากการคั้น ก็จะเอากลับไปต้มเพื่อทำเป็นสีผึ้งหรือเทียน ซึ่งตนก็จะมอบให้ลูกค้าไปด้วยเข่นกัน คือพูดง่ายๆว่า ทุกส่วนของรังผึ้งป่า สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด และลูกค้ายังสามารถสั่งผ่านทางเฟสบุ๊ค และไลน์ได้ด้วย โดยแอดมาที่เบอร์หรือจะโทรฯมาก็ได้ ที่หมายเลข 0935723179 / 0626083769 ส่วนชื่อเฟส ก็จะมี 2 ชื่อคือ กล้วยนะคะ และ เตชิน จะยันรัมย์ ซึ่งเราก็จะมีบริการส่งทางไปรษณีย์ให้ด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งก็มีลูกค้าสั่งมาอยู่ตลอดเวลา จนถึงหมดฤดูก็ช่วงต้นเดือน พฤษภาคม ซึ่งก็จะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ลูกค้าก็จะเริ่มไม่นิยมรับประทานกัน เนื่องจากรสชาติไม่อร่อยเหมือนช่วงฤดูแล้ง และตอนนั้นคนก็จะเริ่มหยุดหารังผึ้งป่ากันแล้ว แต่จะไปหาของป่าอย่างอื่นที่ออกตามฤดูกาลมาขายแทน ซึ่งตลาดขายของป่าบริเวณนี้ก็จะคึกคักตลอดทั้งปี เพราะมีของป่าตามฤดูกาลออกมาจำหน่ายตลอดไม่เคยขาด แหมาะสำหรับคนที่ชอบทานของป่าที่หาได้จากธรรมชาติ จากป่าดงหินล้มที่อยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ ภายใต้การดูแลของหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.5 (หินล้ม-พนมดิน) และป่าแห่งนี้ยังเป็นที่หวงแหนของชาวบ้านที่นี่ด้วย เพราะที่นี่เปรียบเสมือนอู่ข้าวอู่น้ำของชาวบ้าน ที่ได้อาศัยเก็บหาของป่ากินได้อย่างอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปีอีกด้วย.

 

ภาพ/ข่าว ชูชัย ดำรงสันติสุข ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์ 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“อานนท์ นำภา” ยื่นขอประกันตัว คดี112 ลั่นยอมรับทุกเงื่อนไขศาล ยินดีติดกำไล EM
"สภาพัฒน์" สรุปไตรมาส 3/67 หนี้สินครัวเรือนลดลง ว่างงานพุ่ง 4.1 แสนคน จับตา NPL สูงขึ้น 12.2%
"ประเสริฐ" ชี้รัฐบาลเล็งปรับกองทุนหมู่บ้าน ช่วยหนี้นอกระบบ เพื่อชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
"ทนายพัช" แจงเหตุผล ขอถอนตัวเป็นทนายความให้ “แอม ไซยาไนด์”
"ผอ.คลองเตย" แจงสอบเบื้องต้น "สวนชูวิทย์" ไม่ใช่ที่ดินสาธารณะ
"ศุภมาส" ดีเดย์จัดงาน "One Stop Open House 2024" สานต่อผลสำเร็จ "อว.แฟร์"
DSI แถลงจับกุม "สามารถ-แม่" พบหลักฐานเอกสาร เข้าข่ายความผิดร่วมกันฟอกเงิน
รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ร่วมกิจกรรมน้อมรำลึก เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ร.6
“ทนายอาคม” จ่อวางโฉนดบ้าน ยื่นขอประกัน “เดือน” อึ้ง “ตั้ม” ไม่ยอม ถามกลับแล้วผมจะเอาหลักทรัพย์อะไรประกัน
กองทัพเรือ ร่วมทุกภาคส่วน วางพวงมาลารำลึก 99 ปี แห่งการสวรรคต รัชกาลที่ 6

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น