19 มี.ค. 2565 ทางเพจ sirirajpr ได้แจ้งว่า ตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีที่โรงพยาบาลศิริราชเก็บค่าบริการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 แบบรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) วันละ 600 บาท เป็นเวลา 2 วันนั้น ทางโรงพยาบาลศิริราชได้ทำการตรวจสอบแล้วและขอชี้แจงรายละเอียดดังต่อไปนี้
"ศิริราช" ชี้แจง หลังมีข่าวเก็บค่าบริการรักษา ผู้ป่วยโควิด
ข่าวที่น่าสนใจ
โดยที่ผู้ป่วยชายอายุ 16 ปี มีประวัติว่าตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 จากการตรวจ ATK ด้วยตนเอง และได้มาขอรับการตรวจรักษาที่คลินิก ARI (คลินิกโรคติดเชื้อ) โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 ผลการตรวจได้รับการยืนยันว่า เป็นโรคติดเชื้อโควิด-19จริง แพทย์ได้ลงความเห็นตามอาการของผู้ป่วยว่าสามารถรักษาและกักตัวในที่พักอาศัยของผู้ป่วยได้ระหว่างวันที่ 15 – 23 มีนาคม 2565 ต่อมาผู้ป่วยได้รับการลงทะเบียนเข้ารับการรักษาแบบ Home isolation (HI) ในวันที่ 16 มีนาคม 2565 โดยพยาบาลได้โทรศัพท์ติดตามการรักษาประเมินอาการ และให้คำแนะนำ และในวันที่ 17 มีนาคม 2565 นอกจากการติดตามอาการแล้ว เจ้าหน้าที่การเงินได้ติดต่อแจ้งผู้ปกครองให้ทราบว่าการติดตามอาการแบบ home isolation จะมีค่าใช้จ่ายแต่สามารถเบิกจ่ายได้ตามสิทธิ (สิทธิ์ สปสช.ไม่เกิน 600 บาทต่อวัน และสิทธิ์กรมบัญชีกลาง ไม่เกิน 1,000 บาทต่อวัน ไม่เกิน 10 วัน) เนื่องจากสิทธิ์การรักษาของผู้ป่วยรายนี้เป็นสิทธิ์เบิกบุคคลในครอบครัว สังกัดกรุงเทพมหานคร (เบิกใบเสร็จ/หนังสือรับรองสิทธิ) ซึ่งเป็นสิทธิเบิกจากบิดาจึงต้องมีการสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลก่อน แล้วจึงนำใบเสร็จไปเบิกค่ารักษากับต้นสังกัดของบิดาคืนได้ในภายหลัง
ในกรณีดังกล่าวโรงพยาบาลศิริราชจึงทำการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลแบบ home isolation จำนวน600.-บาท/วัน โดยมีอัตราเทียบเท่าประกาศของ สปสช. และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมบัญชีกลาง ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบริการดูแลรักษา การให้คำปรึกษา การติดตามประเมินอาการในแต่ละวัน ตลอดจนการจัดระบบส่งต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงตลอด 24 ชั่วโมง
อนึ่งสำหรับการให้การรักษาแบบ home isolation ของผู้ป่วยที่มีสิทธิการรักษากรมบัญชีกลางปกติจะไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาและสามารถใช้สิทธิได้เลย
โรงพยาบาลศิริราชจึงขอชี้แจงข้อมูลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องขออภัยในความคลาดเคลื่อนของการให้ข้อมูลในกระบวนการให้การรักษาพยาบาลแบบ home isolation ทางโรงพยาบาลศิริราชจะนำผลการตรวจสอบครั้งนี้ไปแก้ไขกระบวนการทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-