"น้ำประปา" กรมอนามัย เผยคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน บริโภคได้กี่เปอร์เซ็นต์กันแน่ หลังพบกว่าร้อยละ 25 มีสารเกินเกณฑ์มาตรฐาน พร้อมพัฒนาคุณภาพ
ข่าวที่น่าสนใจ
“น้ำประปา” ตามบ้านเรือนเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราเสมอ ไม่ว่าจะเอาไว้ใช้ชำระสิ่งสกปรกในร่างกาย ใช้เพื่อประกอบอาชีพ หรือแม้กระทั่งใช้เพื่อการบริโภค นั่นเอง ดังนั้น ความสะอาด ความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และล่าสุดทางด้าน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ออกมาเผยข้อมูลคุณภาพน้ำดังกล่าว
โดย นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศให้วันที่ 22 มีนาคมของทุกปีเป็น วันน้ำโลก หรือ World Day for Water เพื่อกระตุ้นให้ประชากรทั่วโลกเห็นความสำคัญของน้ำ เกิดความตื่นตัวเรื่องการอนุรักษ์น้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำ อย่างยั่งยืน โดยกรมอนามัยได้ส่งเสริมให้มีการจัดการคุณภาพน้ำบริโภคให้ได้มาตรฐาน เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชน
ซึ่งจากการเฝ้าระวังพบว่า มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับบริโภคเพียงร้อยละ 20 ร้อยละ 55 ต้องปรับปรุงก่อนนำมาบริโภค โดยการต้ม หรือเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค เนื่องจากพบการปนเปื้อนแบคทีเรีย ส่วนอีกร้อยละ 25 นั้น ไม่สามารถนำมาบริโภคได้เพราะมีเหล็ก แมงกานีส ฟลูออไรด์ ความกระด้าง และคลอไรด์ เกินเกณฑ์มาตรฐานกรมอนามัย ดังนั้น จึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพและได้ขับเคลื่อนแผนแม่บท การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ด้านที่ 1 การจัดการน้ำอุปโภค บริโภค และได้จัดทำข้อเสนอต่อคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้มีคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาระบบประปาหมู่บ้านระดับจังหวัด
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานประปาหมู่บ้านขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดครบทุกจังหวัดแล้ว และจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพ โดยยึดแนวทาง 3 C ดังนี้
1. Clear : ระบบ ประปา หมู่บ้าน มีการจัดสภาพแวดล้อมตั้งแต่แหล่งน้ำดิบ ระบบผลิต ระบบการจ่ายน้ำ รวมไปถึงการบริหารจัดการที่เหมาะสม ตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานคุณภาพระบบประปาหมู่บ้าน
2. Clean : ระบบ ประปา หมู่บ้าน สามารถผลิต น้ำ ประปา มีคุณภาพตามเกณฑ์คุณภาพ น้ำ ประปา ดื่มได้ กรมอนามัย พ.ศ. 2563
3. Chlorine : น้ำ ประปา ในระบบจ่ายต้องมีคลอรีนอิสระคงเหลือตามเกณฑ์มาตรฐาน คือ 0.2-0.5 ppm. เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำที่ปนเปื้อนแบคทีเรียได้ ทำให้มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับการบริโภค และสามารถลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงน้ำสะอาดของประชาชนได้ อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-