ทร.แจงยิบหลังถูก “เพื่อไทย” โจมตียูเอวี-เรือดำน้ำ

โฆษกกองทัพเรือ โต้ “ยุทธพงศ์” กล่าวหาการจัดหาอากาศยานไร้คนขับ โยงโครงการท่าเรือดำน้ำ ยันไม่เป็นความจริง สองบริษัทไม่เกี่ยวพันกัน แจงยิบทำตามขั้นตอน ยันทร.ทำตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด การันตียูเอวีใช้งานจริงในกองทัพหลายประเทศ มีประสิทธิภาพ -มีความน่าเชื่อถือในการใช้งานสูง

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวหากองทัพเรือประเด็นการจัดหาอากาศยานไร้คนขับ (ยูเอวี) และโครงการท่าเรือดำน้ำว่า เรื่องทั้งหมดไม่เป็นไปตามที่กล่าวหา โดยตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ไม่พบว่าบริษัทที่มายื่นข้อเสนอยูเอวีมีความเกี่ยวพันกับบริษัทเรือดำน้ำ และขอยืนยันว่ากองทัพเรือได้ดำเนินการจัดหายูเอวี ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด มีใช้งานจริงในกองทัพของหลายประเทศ มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือในการใช้งานสูง รวมถึงประเด็นครูภาษานั้น กองทัพเรือได้ตรวจพบเองตั้งแต่ต้น และได้ดำเนินสั่งห้ามบุคคลเหล่านั้นเข้าพื้นที่ตั้งแต่ธ.ค.64

 

ข่าวที่น่าสนใจ

พลเรือโท ปกครอง กล่าวต่อว่า โดยขอแยกเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1.ประเด็นที่ระบุว่า กองทัพเรือเปลี่ยนแบบยูเอวี จาก Wing Loong ของประเทศจีน เป็นยูเอวีแบบ Hermes 900 ของประเทศอิสราเอล เนื่องจากปัญหาความไม่โปร่งใสในโครงการจัดหาเรือดำน้ำของจีนโดย บริษัทที่นำยูเอวี แบบ Hermes 900 เข้ามาอยู่ในเครือข่ายบริษัทนายหน้าของเรือดำน้ำจีนเช่นกันนั้น กองทัพเรือขอชี้แจงว่า ได้ตรวจสอบความความสัมพันธ์ของผู้ยื่นข้อเสนอยูเอวีทุกรายเบื้องต้นแล้ว ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกัน และไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาเรือดำน้ำแต่อย่างใด ทั้งนี้การดำเนินโครงการจัดหายูเอวีในครั้งนี้ เป็นการจัดซื้อโดยวิธีคัดเลือก โดยกำหนดคุณสมบัติและขีดสมรรถนะตามความต้องการของกองทัพเรือ ซึ่งจะต้องมีการรับรองมาตรฐานด้านการบิน มีความน่าเชื่อถือและความพร้อมใช้งาน รวมทั้งมีความสามารถในการอยู่รอดสูง ในการปฎิบัติภารกิจทั้งทางทะเลและทางบก มีใช้งานในกองทัพของประเทศผู้ผลิต มีค่าใช้จ่ายต่ำ มีการฝึกอบรมและการถ่ายทอดเทคโนโลยี ตลอดจนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการฯ สูงสุด แต่เนื่องจากการดำเนินการจัดซื้อยังไม่เสร็จสิ้น จึงยังไม่สามารถให้รายละเอียดทั้งหมดได้
2.ประเด็นข้อกล่าวหาว่ายูเอวี แบบ Hermes 900 ของอิสราเอล เป็นยูเอวี ที่กองทัพเรือประเทศอื่นไม่เคยใช้งานมาก่อน รวมถึงมีประวัติการตกนั้น ขอนำเรียนว่า ยูเอวีของทุกบริษัทที่กองทัพเรือเชิญชวนยื่นข้อเสนอ มีใช้กันในหลายประเทศ และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จึงขอให้วางใจว่ากองทัพเรือจะได้รับยูเอวี ที่ได้มาตรฐาน คุ้มค่ากับภาษีของประชาชนมาใช้งาน ส่วนเรื่องการตกของยูเอวีนั้น เป็นเรื่องเป็นไปได้ เหมือนการตกของเครื่องบินชนิดอื่นๆ ซึ่งจากข้อมูลการตกของ ยูเอวีทั่วโลก อ้างอิงจากเว็บไซต์ https://dronewars.net/drone-crash-database/ พบว่ามียูเอวีหลายประเทศทั้งของอิสราเอล สหรัฐอเมริกา จีน อิตาลี ตุรกี รวมถึง ประเทศอื่นๆ มีประวัติเกิดอุบัติเหตุเหมือนกันหมด ดังนั้นการตกอาจจะไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของระบบหรือความผิดปกติของเครื่องยนต์ แต่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การโดนต่อต้านจากฝ่ายตรงข้าม สภาพอากาศที่แปรปรวน ทักษะ หรือประสบการณ์ของผู้บังคับเครื่องยูเอวี อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับความน่าเชื่อถือของระบบ มั่นใจได้ว่าระบบยูเอวี ที่ ทร.จะได้รับดีที่สุดตามวัตถุประสงค์การใช้งานและความต้องการของกองทัพเรือในวงเงินที่กำหนด

 

พลเรือโท ปกครอง กล่าวต่อว่า 3.กองทัพเรือขอเรียนว่า การจัดหายูเอวีในครั้งนี้ ได้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม เป็นไปตามกฎหมาย และปฏิบัติต่อผู้ประกอบการทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน มีเอกสารหลักฐานการดำเนินงานอย่างชัดเจน มีขั้นตอน ตอบข้อสงสัยและข้อซักถาม รวมทั้งโครงการนี้ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมการจัดทำ “ข้อตกลงคุณธรรม ประจำปีงบประมาณปี2565” โดยคณะกรรมการความร่วมมือการป้องกันการทุจริต (ค.ป.ท.) ได้จัดคณะผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นตัวแทนจากภาคประชาชน ร่วมสังเกตและให้คำแนะนำตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดโครงการ
4.ส่วนประเด็นเรื่องความคืบหน้าในการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำและข้อสงสัยที่ว่าผู้แทนบริษัท CSOC ที่เข้ามารับผิดชอบโครงการสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งโดยถูกต้องหรือไม่ กองทัพเรือขอชี้แจงให้ทราบว่า ผู้แทนที่บริษัท CSOC แต่งตั้ง โดยมีเอกสารสัญญาที่ชัดเจน คือนาย Lang Qingxu ซึ่งเป็นผู้บริหารโครงการ และมีนายจักรพงษ์ วงศ์ธนปกรณ์ เป็นวิศวกรโครงการ มีคุณวุฒิวิศวกรโยธาระดับสามัญ ส่วนภาพที่นายยุทธพงศ์ นำมาเผยแพร่และบอกว่าเป็นครูสอนภาษานั้นกองทัพเรือ ตรวจพบว่า บ.CSOC ได้จ้างบุคคลเหล่านี้จริง โดยทำหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อ ไม่ได้ควบคุมงานทางวิศวกรรม ต่อมาภายหลังกองทัพเรือตรวจพบด้วยตนเองว่าบุคคลดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้อง จึงไม่อนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่โครงการก่อสร้างตั้งแต่ ธ.ค.64 ซึ่ง กองทัพเรือได้ดำเนินการเรียบร้อยก่อนที่จะถูกกล่าวหาใน ก.พ.65

“ กองทัพเรือ ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าพัฒนากองทัพให้มีความทันสมัย เข้มแข็ง สามารถปฏิบัติภารกิจในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชนและประเทศชาติ โดยคำนึงถึงการใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ” พลเรือโท ปกครอง กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

‘ทนายไพศาล’ ยืนยันไม่ได้เป็นทนายให้ ‘ซินแสดัง’ขออีกฝ่ายอย่าเอารูปถ่ายคู่กันไปแอบอ้าง
งาน CIIE ครั้งที่ 7 เปิดฉากแล้วที่จีน
ตร.เมืองชล ตั้งด่านป้องปรามอาชญากรรม-ยาเสพติดกลางดึก หนุ่มขนยาบ้า 3 แสนเม็ด ขับผ่านด่านแต่ไม่รอด สารภาพรับจ้างขนยา 3 หมื่น ยังไม่ได้รับค่าจ้าง ถูกจับเสียก่อน
เลือกตั้งสหรัฐเปิดฉากขึ้นแล้ว
ศรชล.ภาค1 ร่วมกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะในทะเลและชายหาดกับนักดำน้ำ เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมใต้ทะเล (นพอ.) ณ เกาะยอ สัตหีบ
สว.จร.พัทยา วางแผนจัดทัพรับมืองานพลุนานาชาติ เตรียมที่จอดรถกว่า 30,000 คัน ไว้รองรับนักท่องเที่ยว พร้อมออกมาตรการวินผีฟันค่าโดยสารราคาเกินจริง
ฉาว "ชาวบ้าน" ยันเห็น "หลวงตา" ล็อคห้องอยู่กับสีกา สองต่อสอง อ้างชวนไปนับขวด ก่อนเผ่นหนีไปอยู่อีกวัด
5 วิลล่าที่ดีที่สุด บนเกาะสมุย สำหรับการพักผ่อนสุดหรู
ผุดไอเดีย สุดเจ๋ง ติดตั้งนวัตกรรมประดิษฐ์รั้วไฟฟ้าแรงต่ำ 12 โวลท์ ป้องกันภัยช้างป่า
ปราบปราม เด็กแว้นอันธพาลครองเมือง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น