จากกรณี นายพัสยศ ชลภักดี หรือน้องเปรม อายุ 19 ปี เป็นนักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เสียชีวิตจากการถูกกลุ่มรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายในกิจกรรมรับน้องใหม่ที่แอบจัดนอกสถานที่ บริเวณไร่อ้อยโล่งเตียน บ้านโคกมะกอก หมู่ 14 ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อกลางดึกของวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา
อธิการฯ ม.ราชมงคลอีสาน สั่งลงโทษให้ 15 รุ่นพี่ปี 2 ทำร้าย "น้องเปรม" เสียชีวิต พ้นสภาพนักศึกษา ส่วนอีก 15 ราย ฝ่าฝืนร่วมวางแผน ตัดคะแนน-ผลสอบโมฆะ ส่วนการเยียวยาตั้งกองทุนช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 4 แสนบาท พร้อมช่วยเหลือน้องสาว และแฟนของน้องเปรม ให้ได้รับทุนการศึกษาเรียนจนจบปริญญาตรี
ข่าวที่น่าสนใจ
ล่าสุดวันนี้ (26 มีนาคม 2565) รองศาสตราจารย์ด๊อกเตอร์ โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า จากการสอบสวนของคณะกรรมการด้านปกครองกรณีการจัดกิจกรรมรับน้องของกลุ่มรุ่นพี่นักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 2 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พบว่า กิจกรรมรับน้องที่แอบจัดขึ้น มีนักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 และ ปวส.ชั้นปีที่ 2 เข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งหมด จำนวน 67 คน แยกเป็นกลุ่มรุ่นพี่ ปวส.ชั้นปีที่ 2 จำนวน 30 คน และกลุ่มรุ่นน้อง ปวส.ชั้นปีที่ 1 จำนวน 37 คน
อาศัยอำนาจตามมาตรา 24 และมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ.2548 และระเบียบว่าด้วยการควบคุมความประพฤติของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พ.ศ.2549 และประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง งดกิจกรรมรับน้อง จึงออกคำสั่งมหาวิทยาลัยฯ เรื่องการลงโทษวินัยนักศึกษา ดังนี้
นักศึกษารุ่นพี่ ปวส.ปี 2 จำนวน 15 ราย ผู้ร่วมการฝ่าฝืน วางแผน สั่งการ ควบคุมการดำเนินกิจกรรมทำร้ายร่างกายรุ่นน้อง โดยการใช้ไม้ฟาด ชกต่อย และใช้เท้าถีบยัน เป็นเหตุทำให้รุ่นน้องได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต มีความผิดตามระเบียบมีโทษให้ออก
และสั่งให้ลงโทษนักศึกษารุ่นพี่ ปวส.ปี 2 อีก 10 ราย ฐานมีส่วนร่วมในการวางแผน สั่งการ ควบคุมการดำเนินกิจกรรมให้รุ่นน้องปี 1 ถอดเสื้อผ้า หมอบ คลาน และใช้ศีรษะปักพื้น เป็นเหตุทำให้รุ่นน้องได้รับบาดเจ็บ มีโทษผลการสอบของภาคการศึกษานั้นเป็น โฆษะ โดยให้บันทึกผลการศึกษาเป็น W
และลงโทษนักศึกษารุ่นพี่ ปวส.ปี 2 ที่เหลืออีก 5 ราย ฐานความผิดเป็นผู้ที่ทราบว่าจะมีการจัดกิจกรรม ตั้งแต่การวางแผน การนัดหมาย การเดินทาง ตลอดจนดำเนินกิจกรรมจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่ทราบกิจกรรมดังกล่าวขัดต่อประกาศมหาวิทยาลัยฯ แต่กลับไม่ได้ห้ามปรามหรือแจ้งอาจารย์หรือผู้เกี่ยวข้องทราบเพื่อเข้าระงับเหตุ เป็นการร่วมกันสนับสนุนให้เกิดกิจกรรม ให้ลงโทษตัดคะแนนความประพฤติ 10 คะแนน พร้อมแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยฯ ยังได้สั่งลงโทษนักศึกษา ปี 1 จำนวน 37 ราย ฐานความผิดมีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมไม่พึงประสงค์ เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องอันเป็นการขัดต่อประกาศของมหาวิทยาลัย ให้ลงโทษตัดคะแนนความประพฤติ 10 คะแนน พร้อมแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ
โดยนักศึกษาที่มีบทลงโทษ สามารถอุทธรณ์คำสั่งได้ภายใน 15 วัน โดยคำสั่งลงโทษมีผลตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2565
ทั้งนี้บทลงโทษจากทางมหาวิทยาลัยฯ เป็นคนละส่วนกับโทษทางอาญา โดยบทลงโทษให้ออกนักศึกษารุ่นพี่ 15 คน ทุกคนจะต้องมาเขียนใบลาออก และสามารถนำผลการเรียนของปี 1 ไปใช้ประโยชน์สมัครเข้าเรียนต่อได้ ถือเป็นโทษขั้นสูงใกล้เคียงกับ ไล่ออก และมหาวิทยาลัยฯ ได้รับความบอบช้ำจากเหตุการณ์นี้ ยอมรับสภาพกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และจะวางแนวทางแก้ไขให้ดีที่สุดเพื่อเป็นแนวปฏิบัติในอนาคต
ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวน้องเปรม นักศึกษารุ่นน้องที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์รับน้องในครั้งนี้ ทางกลุ่มศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยฯ มอบเงินเยียวยาช่วยเหลือ จำนวน 4 แสนบาท ขณะที่ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้ตั้งกองทุนช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 4 แสนบาท และช่วยเหลือน้องสาวของน้องเปรม ให้ได้รับทุนการศึกษาเรียนจนจบปริญญาตรี และช่วยเหลือแฟนสาวของน้องเปรมให้เรียนจบปริญญาตรีเช่นกัน
ส่วนทางด้านคดีอาญา พนักงานสอบสวน สภ.มะเริง อ.เมืองนครราชสีมา ได้แจ้งข้อหา 7 นักศึกษารุ่นพี่ ปวส.ชั้นปี 2 ฐานความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บ และแจ้งข้อหากลุ่มรุ่นพี่ทั้งหมดในฐานความผิดฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และความผิดฐานทำให้ขายหน้าต่อธารกำนัล โดยขณะนี้กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานทำสำนวนส่งอัยการเพื่อฟ้องศาลภายใน 30 วัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-