ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหลังจากรับตำแหน่งเลขาฯ ว่า ขอบคุณสมาชิกทุกคนที่ไว้วางใจตนในการดำรงตำแหน่งเลขาฯ จะนำพาพรรคไปสู่พรรคอันกับหนึ่ง สิ่งใดที่เราทำดีแล้วก็ทำต่อไป สิ่งไหนที่ยังไม่ทำเราจะต้องเริ่มทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายที่เราเก็บไว้ตั้งแต่ปี 62 เราจะต้องมาสานต่อให้เกิดเป็นผลประโยชน์แก่ประชาชน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และความสามัคคีของคนในพรรค ส่วนในเรื่องการเมืองต้องใช้เวลา ต้องทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าพลังประชารัฐสามารถแก้ปัญหาทุกมิติได้
เมื่อถามว่า การปรับคณะกรรมการบริหารพรรค จะมีผลต่อการปรับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส เผยว่า คนละประเด็น คนละเรื่อง เพราะการปรับ ครม. เป็นดุลพินิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่วนในพรรคเป็นนโยบายของหัวหน้าพรรค ส่วนตัวมองว่า การปรับ ครม. ไม่ใช่วาระสำคัญ
ส่วนการเลือกตั้งได้ประสานกับพรรคอื่นไว้หรือไม่นั้น เราตื่นตัวตลอด ระยะเวลาสองปี ผู้สมัครก็ควรลงพื้นที่ นี่เป็นเรื่องสำคัญและทุกคนต้องมีความเหมาะสมในการที่จะเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่ควรหาในระยะเวลากระชั้นชิด แต่หากมี ส.ส. จากพรรคอื่นสนใจจะมาสมัครในพรรคเรา ตนยินดี ทุกคนมีคุณภาพอยู่แล้ว ผู้สมัครรายใหม่เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคเน้นย้ำ แต่จะรุ่นใหม่หรือใคร คกก. จะช่วยกัน ถ้าหากพื้นที่ภาคอีกสาน จะมี ส.ส. พรรคเพื่อไทย มาสมัคร ตนมองว่าเป็นเรื่องมารยาททางการเมือง อะไรที่ไม่จำเป็นจะไม่ยุ่ง เราจะเริ่มจากคนของพรรคเราก่อน
เมื่อถามว่า มีหลายคนไม่เห็นด้วยกับคุณสมบัติในการนั่งเลขาฯพรรคนั้น ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า อดีตไม่สามารถจะกลับไปแก้ไข ตนในฐานะนักการเมืองและได้เข้ามาถึงฝ่ายบริหาร ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ไม่ใช่โวยวาย เพราะทุกอย่างจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบ เมื่อผ่านแล้วแต่ละเรื่องแต่ละประเด็นคนที่ร้องผมจะต้องยอมรับในเกมของการเมือง ตนยืนยันจะทำวันนี้ พรุ่งนี้ และอนาคตให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน นี่คือการเมือง การสาดโคลนใส่กันเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ส่วนที่ปัญหาลามไปถึงการต่อว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคฯ ผมขอให้มั่นใจว่าเราเดินหน้าเพื่อประชาชน เมื่อครบเทอมทางการเมือง 4 ปี จะเห็นว่านักการเมืองที่อยู่ในสภาใครได้ทำอะไรให้ประชาชนบ้าง รับปากไว้ ได้ทำหรือยัง
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ไปร้องทุกข์กล่าวโทษฐานครอบครองเฮโรอีน 3.2 กิโลกรัมเพื่อจำหน่ายและส่งต่อนั้น ตนรู้สึกเฉย ๆ เพราะถูกกระทำมา 2 ปีเต็ม ๆ ถูกท่านกระทำมาโดยตลอด และตนก็เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กระบวนการตรวจสอบ ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ตนพร้อมถูกตรวจสอบและพร้อมสู้ ไม่โกรธท่านเสรี เพราะถือว่าทำหน้าที่นิติบัญญัติ อย่าไปเครียดเรื่องเหล่านี้ หากเครียดเรื่องสาดโคลนใส่กันทางการเมืองจะไปไม่รอด สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำลายอุดมการณ์ทางการเมืองของผมได้ ตนพูดมาโดยตลอดให้ไปดูข้อกล่าวหา รู้ว่ามีผู้กระทำความผิด อย่าเข้าใจผิดในสาระสำคัญ แต่ตนโดนบิดเบือนข้อเท็จจริง ไปสู้ในศาล
เมื่อถามว่าหาก พปชร. ชนะการเมืองตั้งในครั้งต่อไป และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะชู พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนที่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯและทำได้สำเร็จ การบริหารบ้านเมืองในภาวะที่ไม่ปกติต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง ในเวลานี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่าท่านอีกแล้ว พล.อ.ประวิตร ก็ให้นโยบายไว้ว่าต้องการดูแลพรรคพลังประชารัฐและให้เดินตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
ส่วนจะมีการยุบสภาหลังแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นนั้น ไม่ใช่เวลานี้ เพราะยังมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลต้องประคองบ้านเมืองให้รอดก่อน ชีวิตประชาชนสำคัญกว่า
ทั้งนี้ จะมีการเตรียมทีมเศรษฐกิจไว้ในการแก้ปัญหาหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ยอมรับว่า มีการเตรียมไว้แล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผย ต้องมีการประชุมกันก่อน ไม่ได้ให้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ