นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้รับรายงานว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 ในโรงเรียน จำนวน 2 แห่ง คือ โรงเรียนในพื้นที่ จังหวัดมหาสารคาม โดยเกิดจากรณีนักเรียนได้รับเชื้อมาจากผู้ปกครอง จึงมีการแพร่เชื้อไปสู่เพื่อนในห้องเรียนอีกจำนวน 7 คน ทั้งนี้จากการสอบโรคพบว่า เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อได้เห็นผังการจัดห้องเรียนนั้น เด็กที่ติดเชื้อไม่ใช่นักเรียนที่นั่งติดกัน แต่เป็นกลุ่มนักเรียนที่นั่งห่างกัน ซึ่งเด็กกลุ่มที่ติดนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัย และการเว้นระยะห่างทางสังคม ยังเป็นมาตรการที่ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างดี อีกทั้งยังพบว่าโรงเรียนยังปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงและกระทรวงสาธารณสุข ที่กำหนดได้อย่างดีเยี่ยม และเมื่อตรวจพบเด็กติดเชื้อได้สั่งหยุดการเรียนการสอนทันที ส่วนอีกกรณีคือ โรงเรียนเอกชนนอกระบบ จังหวัดยะลา ได้เปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียน โดยไม่ได้ขออนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมโรคประจำจังหวัด และยังพบว่าเปิดโรงเรียนให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้สถานที่ทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงพบนักเรียนรับประทานโดยใช้ภาชนะร่วมกันอีกด้วย จนทำให้ติดเชื้อจำนวนมาก
ทั้งนี้จะกำชับให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ติดต่อประสานการทำงานร่วมกับกรมอนามัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้ศึกษาธิการจังหวัด และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ลงพื้นที่สำรวจโรงเรียนให้ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ของกระทรวงอย่างเข้มข้น นอกจากนี้จะต้องกำหนดมาตรการผู้รับผิดชอบให้เกิดความชัดเจนในแต่ละขั้นตอนการปฏิบัติงานไม่ว่าจะเป็นเมื่อพบเด็กติดเชื้อจะต้องทำอย่างไรและใครเป็นผู้รับผิดชอบ และเมื่อสั่งปิดโรงเรียนแล้วจะต้องกำหนดผู้รับผิดชอบด้วย โดยกระทรวงศึกษาธิการจะจัดทำแผนเผชิญเหตุโควิดส่งให้โรงเรียนยึดปฏิบัติตามภายใน 1 สัปดาห์
อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่ถือเป็นการแพร่ระบาดในสถานศึกษาแต่อย่างใด เพราะกว่าร้อยละ 90 สถานศึกษาตรวจพบนักเรียนที่ติดเชื้อก่อนและสั่งหยุดการเรียนการสอนที่โรงเรียนทันที ดังนั้นเชื่อมั่นว่ามาตรการควบคุมโรคของกระทรวง ยังทำได้ดีอยู่