รองผู้ว่าฯชัยภูมิ สนธิกำลังปูพรมบุกเข้าตรวจสอบ สำนักฯลัทธิประหลาดของพระบิดา

รองผู้ว่าฯชัยภูมิ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ลงปูพรมบุกเข้าตรวจสอบ สำนักฯลัทธิประหลาดของพระบิดา พร้อมแจ้งความดำเนินคดี 8 ข้อหาหนัก

วันที่ 13 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี ทีมงานหมอปลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในจังหวัดชัยภูมิ นำโดยนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เข้าตรวจสอบสำนักประหลาด ในพื้นที่บ้านกุดแคน หมู่ที่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ หลังมีชาวบ้านร้องเรียน ว่าบริเวณสำนักแห่งนี้มีการกักขังผู้มาปฏิบัติธรรมและรักษาโรคโดยวิธีการแบบแปลกประหลาดไม่ถูกสุขลักษณะ จึงนำกำลังเข้าดำเนินการตรวจสอบ ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบพบ นายทวี หนันลา อายุ 74 ปี บุคคลซึ่งอ้างตนว่าเป็นฤาษี ชื่อพระบิดา อยู่ในสำนักดังกล่าว สามารถรักษาโรคต่างๆได้ จนมีชาวบ้านหลงเชื่อมารักษาตัวประมาน 30 คน นอกจากนี้ยังพบโลงบรรจุศพอีกจำนวน 11 ศพ บางศพก็มารักษาและเสียชีวิตที่นี่ บางศพก็เสียชีวิตที่บ้านแล้วนำศพมาให้พระบิดาตามความเชื่อ

ล่าสุดวันนี้ 13 พ.ค. 2565 นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่การปกครองจังหวัดตำรวจ ป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยภูมิ จนท.สนง.ปศุสัตว์และ จนท.จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าตรวจสอบเก็บหาหลักฐานต่างๆโดยแยกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆได้ออกหาหลักฐานมานำมาแจ้งความดำนินคดีกับพระบิดฯโดยได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิได้เก็บตัวอย่างน้ำหมักต่างๆในโอ่งนับ100ใบพร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำในบ่อหมักแจ่วปลาร้าบองเพื่อส่งไปตรวจพิสูตรในห้องปฏิบัติการณ์สาธารณสุขฯ

ส่วนเจ้าหน้าที่อส.ฝ่ายปกครองได้ขุดหาหลักฐานต่างๆโดยรอบนำนักฯ นอกนั้นยังได้ให้ปศุสัตว์ได้มาทำการตรวจนับสัตว์ต่างๆทั้งที่ผิดกฎหมายและถูกกฎหมายก พร้อมทำบัญชีการตรวจนับ พบว่าภายในวัดยังมีสัตว์จำนวนมากประกอบด้วยประกอบด้วยโค(วัว) 11 ตัว กระบือ(ควาย) 5 ตัว กวางพันธุ์รูซ่า 15 ตัว ไก่ไข่ประมาณ 30 ตัว ไก่พื้นเมืองและไก่งวงอีกจำนวนหนึ่งที่กระจายอยู่ตามตัวไม้ในพื้นที่ เป็ดเทศ ประมาณ 15 ตัว สุนัขประมาณ 20 ตัว แมว 10-20 ตัว อีกัวน่า 1 ตัว หนูตะเภา จำนวน 24 ตัวซึ่งขณะนี้พบว่าสัตว์ต่างที่อาศัยอยู่ในสำนักประหลาดของพระบิดาฯ กำลังอดอาหารหิวโซ โดยมีชาวบ้านนำอาหารเม็ดมาวางไว้หมาสุนัขกิน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าแจ้งดำเนินคดีกับ นายทวี หรือพระบิดา หรือนายโจเซบดังกล่าวแล้ว ใน 8 ข้อหาหนัก ได้แก่ 1.ข้อหาการบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ 2.ข้อหาการรักษาโรค ผิด พ.ร.บ.ความสะอาดของสาธารณสุขฯ3.ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตาม พ.ร.ก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 4.ปลูกผลิตกัญชา 5.มีซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครอง 6.เจาะบ่อบาดาลและใช้น้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตและ7.ดำเนินคดีในฐานทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 11,73(มีไม้พะยูง 40 ท่อนอยู่ในสำนักฯ)และ8. ฐานมีไม้ท่อนหวงห้าม(มีไม้เต็งรังจำนวน11ท่อน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 69

จากนั้นยังให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ทำการจับพิกัดพบว่า นายทวีฯพระบิดาได้บุกรุงที่ป่าไม้สาธารณะจำนวน 26 ไร่กว่า นั้นหมายความว่าอยู่ในเขตป่าไม้ 2484 และตามมาตรา 4 วงเล็บ 1 ที่ระบุที่ดินที่ยังมีผู้ได้มา ตามประมวลกฏหมายที่ดินซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ยังต้องดูแล ดังนั้นการเข้ายึดถือครอบครองทำประโยชน์โดยไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ถือว่าเป็นการบุกรุกอย่างแน่นอน จึงมีความผิดตาม พรบป่าไม้ 2484 มาตรา 54,55 อีกกระทง

ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งความดำเนินการตามกฎหมายกับนายทวีหรือพระบิดาเพิ่มเติ่มต่อร.ต.อ.รังสรรค์ เอี่ยมไธสงค์ พนักงานสอบสวน สภ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พร้อมทั้งได้สั่งการให้ฝ่ายปกครอง ตำรวจ จัดกำลัง ในพื้นที่จัดเวรยาม เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และบริเวณโดยรอบหมู่บ้านแล้ว เพื่อป้องกันการจะมีการเข้ามาขโมยทรัพย์สินและทำลายหลักฐาน พยานต่างไว้เพื่อรอ ดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 10-11 พ.ค. 2565ได้มีบรรดาลูกศิษทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กมีหลายสิบคน ได้พากันมาขนข้าวของมีค่าอออกไปจากที่พักพร้อมบอกว่าจะเดินทางปอยู่กับพระบิดาที่ ไร่อยู่เย็นเป็นสุข หมู่ 4 อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น อยู่ห่างจากเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ประมาณ 2 กม. จากการตรวจสอบ พบว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่รอยต่อ ระหว่าง อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น และ อ.ภูกระดึง จ.เลย

ด้านนายเสกสรร สวัสศรี นอภ.คอนสาร จ.ชัยภูมิกล่าวว่าวันนี้ได้รับการมอบหมายจากนายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นหัวหน้าชุดนำกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและพยานหลักฐานต่างๆอย่างละเอียด ซึ่งถือว่าเป็นการเอกซเรย์พื้นที่อย่างระเอียดอีกรอบ หลังจากได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยแยกให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆได้แยกย้ายกันออกเก็บหาหลักฐานต่างๆเพื่อนำไปสรุปและเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายทวีฯหรือพระบิดาต่อไป.

 

ภาพ/ข่าว วิรัตน์ ดวงแก้ว ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ชัยภูมิ

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

‘โฆษก ทบ.’ แจง ‘เจ้ากรมยุทธฯ’ ทำร้ายทหาร เหลือสอบพยาน 2-3 ราย ทำได้แค่ตักเตือน ส่วนคดีอาญา เจ้าทุกข์ต้องดำเนินการ
"อ.ปานเทพ"กางเอกสาร JC2544 อ้างไทย-กัมพูชา เคยรับรอง MOU 44 เป็นสนธิสัญญา
"ดร.ศิลปฯ" อดีตผู้สมัคร สส.เพื่อไทย รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนทวีธาภิเศก ปี 67 ปักธงสนับสนุนด้านกีฬากับเยาวชน
"แม่บ้าน" ส่อชวดรับมรดก 100 ล้าน หลัง "แหม่มฝรั่งเศส" ยกมรดก 100 ล้าน ให้ก่อนจบชีวิต
ตร.ปคบ.บุกทลายโรงงานเครื่องสำอางเถื่อน ลอบผลิต-ส่งขายทั่วภาคอีสาน ยึดของกลางกว่า 4 หมื่นชิ้น
ชาวบ้าน 2 ตำบลเฮ ขอบคุณป่าไม้ที่อนุญาติให้ อบต.สร้างถนนลัดไปอำเภอ หลัง สว.สุรินทร์ หารือในการประชุมวุฒิสภาช่วยแก้ปัญหาชาวบ้าน เป็นของขวัญปีใหม่
"แม่สามารถ" ยื่นจดหมายลับใส่มือนักข่าว อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ปรเมศวร์” เตือน “อธิบดีกรมที่ดิน” เสี่ยงโดนม.157 ปมเขากระโดง
ผู้จัดการตลท. พร้อมให้ข้อมูล คดี “หมอบุญ” เตือนนักลงทุน ใช้สติก่อนตัดสินใจ
“บิ๊กน้อย” การันตี แจงแทน “บิ๊กป้อม” ไม่โทรให้ใครช่วย “สามารถ”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น