นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือสำหรับแรงงาน 3 กลุ่มอาชีพ 16 สาขา ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอนั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลภายใต้การนำพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการพัฒนายกระดับทักษะฝีมือแรงงานให้มีมาตรฐาน ซึ่งมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ กระทรวงแรงงานโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดทำขึ้นโดยร่วมกับสภาอุตสาหกรรม องค์กรวิชาชีพ สถาบันการศึกษา กำหนดแผนมาตรฐานของประเทศไทยเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาฝีมือแรงงาน การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน และพัฒนาขีดความสามารถของประเทศอย่างยั่งยืน มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติจะใช้วัดระดับฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และทัศนคติในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพสาขาต่างๆ โดยผู้ผ่านการทดสอบจะได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานที่ผ่านเกณฑ์เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน การใช้เครื่องมือเครื่องจักรอย่างถูกต้อง ผลงานสำเร็จในเวลาที่กำหนด และยังเป็นการกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ เพื่อส่งเสริมให้ลูกจ้างที่ผ่านการทดสอบฯ ในแต่ละสาขาอาชีพและแต่ละระดับให้ได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมเป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และการจ้างงานในตลาดแรงงาน นอกจากนี้นายจ้างสามารถประกอบพิจารณาเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นอีกด้วย
"ก.แรงงาน" เตรียมศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน รองรับประกาศอัตราค่าจ้างมาตรฐานฝีมือ เพิ่มอีก 16 สาขา
ข่าวที่น่าสนใจ
นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแต่ละสาขานั้นเกิดจากปัจจัยหลายประการ อาทิ เป็นสาขาอาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการ เป็นสาขาที่ต้องมีทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรืออาจเกิดจากมีข้อพิพาทเรื่องอัตราค่าจ้าง รวมถึงเป็นสาขาที่กำลังแรงงานที่มีอยู่ในสาขาอาชีพนั้นควรจะพัฒนาทักษะฝีมืออยู่เสมอ และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้กำลังแรงงานได้รับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานมากยิ่งขึ้น จึงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดเตรียมความพร้อมศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานที่จัดตั้งในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งมีเพียงพอต่อการให้บริการประชาชน ปัจจุบันอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ประกาศแล้วรวมทั้งสิ้น 112 สาขา มีผลบังคับใช้แล้ว 96 สาขา และประกาศเพิ่มเติมล่าสุดอีก 16 สาขา ซึ่งเป็นสาขาที่ตลาดแรงงานมีความต้องการสูง เช่น ช่างติดตั้งยิปซั่ม ช่างปูกระเบื้องผนังและพื้น ช่างสีอาคาร ช่างก่อและติดตั้งคอนกรีตมวลเบา และสาขาการดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น บางสาขาอาชีพเป็นสาขาที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง เช่น ช่างเครื่องประดับ(รูปพรรณ) ช่างฝีมือเครื่องประดับแนวอนุรักษ์ (เทคนิคโบราณ) เป็นต้น
นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า ได้ส่งเสริมให้หน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการประชาชน ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์ทดสอบกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ โดยศูนย์ทดสอบเหล่านี้ มีความพร้อมทั้งเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ และเมื่อผ่านการทดสอบแล้วสามารถนำใบรับรองไปใช้ในการปรับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ทั้งนี้ต้องเป็นสาขาที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มงานส่งเสริมการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 0 2245 4837 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4
ข่าวที่เกี่ยวข้อง