"วัยหมดประจำเดือน" วัยทอง เป็นอย่างไร? เกิดจากอะไร? สามารถใช้ฮอร์โมนทดแทนได้ไหม? อันตรายหรือเปล่า มีคำตอบแล้วที่นี่
ข่าวที่น่าสนใจ
“วัยหมดประจำเดือน” เป็นช่วงเวลาที่รังไข่ผลิตฮอร์โมนเพศในระดับต่ำลงตามอายุที่มากขึ้นโดยเฉพาะเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สนับสนุนการพัฒนาของเต้านมและมดลูก ควบคุมการตกไข่ และมีผลต่อสภาพร่างกาย ผู้ที่ขาดฮอร์โมนเพศหญิงอาจมีอาการผิดปกติต่าง ๆ เกิดขึ้น แต่ไม่ได้พบในทุกราย และความรุนแรงของอาการแต่ละคนจะไม่เท่ากัน
อาการผิดปกติ ได้แก่
1. ด้านร่างกาย
- มีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออก หนาวสั่น
- ผิวพรรณเริ่มแห้งและเหี่ยว
- หน้าอกมีขนาดเล็กลง
- มีอาการปวดข้อ ปวดหลัง
- ช่องคลอดแห้งและเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- เวลาถ่ายปัสสาวะอาจมีอาการแสบขัด
- ในระยะยาวเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
2. ด้านจิตใจ
- มีอาการหงุดหงิดง่าย กระวนกระวายใจ เ
- บื่อคนรอบตัวและกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- บางรายอาจมีอาการซึมเศร้า
- นอนหลับไม่สนิท หรือนอนหลับยาก
การให้ฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy: HRT)
ใช้เฉพาะผู้ที่มีอาการขาดฮอร์โมนเพศหญิงอย่างรุนแรง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
1. เอสโตรเจนอย่างเดียว มี 2 รูปแบบ ดังนี้
- ชนิดใช้ภายนอก : มีทั้งรูปแบบเจลทาเฉพาะที่และแบบแผ่นแปะ โดยยารูปแบบทาเฉพาะที่ช่วยบรรเทาปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอดแห้งและคัน เป็นต้น
- ชนิดรับประทาน : ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน ปวดกล้ามเนื้อ และอาการที่เป็นปัญหาทางเพศ
2. เอสโตรเจน + โปรเจสเตอโรน มีทั้งรูปแบบทางผิวหนัง และรับประทาน ดังนี้
- ชนิดที่ใช้เป็นรอบเดือน (Cyclic regimen)
- ชนิดที่ต้องใช้ต่อเนื่อง (Continuous combined regimen)
ผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนทดแทน (บางราย)
- คลื่นไส้ คัดตึงเต้านม น้ำหนักตัวเพิ่ม ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดท้อง ปวดศีรษะไมเกรน
- ฮอร์โมนแบบแปะผิวหนังพบว่าอาจมีการระคายเคืองผิวหนังบริเวณที่แปะได้
- ความเสี่ยงอื่นที่อาจพบได้ เช่น ภาวะเลือดออกในช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน ภาวะหลอดเลือดสมองอุดตัน ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม (ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวไม่สมควรใช้) เป็นต้น
วิธีอื่น ๆ แทนการใช้ฮอร์โมนทดแทน ได้แก่
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีปริมาณแคลเซียมและวิตามินดี เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน หรืออาหารบางชนิดที่มีส่วนประกอบบางอย่างคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง เช่น นมถั่วเหลือง ธัญพืช เป็นต้น
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม คือ สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่
- พักผ่อนให้เพียงพอ ฝึกสมาธิ ทำจิตใจให้แจ่มใส
เนื่องจาก ฮอร์โมนทดแทน มีทั้งประโยชน์และอาจเกิดโทษหากใช้อย่างไม่เหมาะสม ดังนั้น ไม่ควรหาซื้อฮอร์โมนทดแทนมารับประทานเอง และผู้หญิงที่มีอาการไม่รุนแรงไม่จำเป็นต้องใช้ ระยะเวลาในการใช้ฮอร์โมนขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ หากพบมีความผิดปกติของร่างกายควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
ข้อมูล : oryor
ข่าวที่เกี่ยวข้อง