นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบมาตรการเยียวยาประชาชนในพื้นที่ 6 จังหวัด ตามประกาศฉบับที่ 25 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประเภทกิจการอื่น ๆ เช่น ก่อสร้าง ร้านอาหาร กิจการบันเทิง ศิลปะบันเทิง ซ่อมคอมพิวเตอร์ ร้านซ่อมอุปกรณ์ สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ร้านซ่อมอุปกรณ์ทุกชนิด ร้านทำผม ความงาม ทำเล็บ กิจกรรมสัตว์เลี้ยง ที่มีแรงงานอยู่ในระบบประกันสังคม เพิ่มเติมอีก 2,000 บาท นอกเหนือจากที่ประกันสังคมจ่ายในเหตุสุดวิสัย ร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ไม่เกิน 7,500 บาท
และผู้ประกอบการ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท ต่อลูกจ้าง 1 คน สูงสุดไม่เกิน 200 คน ส่วนผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนในระบบประกันสังคมและไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนในแอปพลิเคชัน ถุงเงิน เพื่อรับการเยียวยาในโครงการคนละครึ่ง 3,000 บาท โดยสามารถลงทะเบียนภายในเดือน ก.ค.นี้
พร้อมกันนี้ ครม.เห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินการโครงการเพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 โครงการคนละครึ่งเฟส 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ระยะดำเนินการ ก.ค.-ธ.ค. 64 นี้ ขณะเดียวกันให้กระทรวงแรงงานประสานสมาคม อุตสาหกรรมก่อสร้างไทย และขอความร่วมมือสมาคมภัตตาคารไทย และร้านอาหาร รายย่อย เพื่อดูแลกลุ่มแคมป์คนงาน
สำหรับมาตรการการช่วยเหลือในระยะต่อไปให้พิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วประเทศ มอบหมายกระทรวงแรงงานให้ประชาสัมพันธ์ ให้ลูกจ้างเข้าสู่ระบบประกันสังคม และให้กระทรวงการคลัง และสภาพัฒน์ เร่งออกมาตรการเยียวยาในอนาคตต่อไป
ที่ประชุมครม. รายงานว่า ประเทศญี่ปุ่นมอบวัคซีน เอสตราเซเนกา 1ล้าน5หมื่นโดส ให้กับประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือในสถานการณ์ โควิด-19 ในต้นเดือน ก.ค.นี้ ช่วงบ่ายวันนี้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ จะลงนามรับมอบวัคซีนดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณในไมตรีจิตจากทางการญี่ปุ่นที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน