นายวรินทร วัตรสังข์” หรือ “แอนนา” หนึ่งในผู้ต้องหาคดีหวยทิพย์ เว็ปไซต์โชคดีล็อตเตอรี่ออนไลน์ ที่นำสลากกินเเบ่งรัฐบาลมาขายออนไลน์ โดยไม่มีสลากอยู่จริง หรือขายหวยทิพย์ ซึ่งถูกออกหมายจับพร้อมพวกรวม 3 คน โดยเเอนนาถูกควบคุมตัวมาที่ สน.ทองหล่อ หลังถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ควบคุมตัว ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะเดินทางกลับมาจากฝรั่งเศส
"แอนนา" ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมหวยทิพย์ ยันเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ไม่ใช่ CEO
ข่าวที่น่าสนใจ
จากนั้น นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความ เดินทางมาทำเรื่องประกันตัว ที่ สน.ทองหล่อ โดยยืนยันว่า ยืนยันว่า ไม่หนักใจในการสู้คดี ซึ่งหลังสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวข้อหา พนักงานสอบสวนอนุญาตให้แอนนาให้ประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 75,000 บาท แอนนา ยอมรับว่า ตนเองมีชื่อ 1 ใน 3 เป็นผู้จดทะเบียนบริษัทแพลตฟอร์ม “โชคดี ล็อตเตอรี่ ออนไลน์” แต่ไม่ได้เป็นผู้บริหารที่มีอำนาจในการตัดสินใจหรือบริหารงานในบริษัท เป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์ ที่ได้รับค่าจ้างเดือนละ 1 แสนบาท โดยไม่ได้มีเจตนาจงใจจะไปกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา เพราะถ้ารู้ว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย การได้เงินค่าจ้างเพียงเท่านี้ คงไม่คุ้มกับชื่อเสียงที่ต้องเสื่อมเสียไป
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดเอาผิดดำเนินคดีตำรวจชุดที่ไปควบคุมตัวและถ่ายภาพคลิปวิดีโอตนเองที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมทั้งสื่อมวลชนที่นำภาพของตัวเองไปนำเสนอข่าว เพราะตนเองเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งอยู่แล้ว แต่ติดใจตรงที่ตำรวจได้นำภาพคลิปไปเผยแพร่ให้สื่อมวลชน เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแต่กลับละเมิดสิทธิ์ประชาชนตามกฏหมายเสียเอง
นอกจากนี้ยังขอร้องสื่อมวลชนให้อย่าพาดหัวข่าวและนำเสนอข่าวของตนเองอย่างถูกต้อง เพราะการที่ตำรวจไปควบคุมตนเองที่ท่าอากาศยานนั้น มีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ใช่เป็นการถูกจับกุม รวมถึงการใช้คำนำเสนอข่าวไปในลักษณะเหยียดเพศ เพราะได้รับผลกระทบต่อความรู้สึก
สำหรับคดีหวยทิพย์ศาล อนุมัติหมายจับ ทั้งหมด 3 คน คือ นายวินรวีร์ ใหญ่เสมอ หรือ ต๊ะ บอยสเก๊าท์ ทำหน้าที่โฆษณาชักชวน มีตำเเหน่งประธานบริษัท , นางสาวมินตรา หรือ แนน ขุนสวัสดิ์ อายุ 28 ปี กรรมการบริหารบริษัทผู้มีอำนาจลงนาม เเละ แอนนา ทำหน้าที่ เป็นผู้บริหารที่โฆษณาและเชิญชวนลูกค้า
ทั้ง 3 คน ถูกดำเนินคดี 3 ข้อหา ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นพนันสลากกิน รวบพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และ ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-