“สำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ” คือ หลังคร่าชีวิต น้องอลิส

สำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ

ภาวะ "สำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ" คืออะไร หลังคร่าชีวิต อลิส อริศรา เน็ตไอดอลชื่อดัง ภาวะนี้อันตรายแค่ไหน หากเกิดขึ้นมีวิธีปฐมพยาบาลยังไง ดูเลย

“สำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ” การปฐมพยาบาลผู้มีสิ่งแปลกปลอมอุดกั้นทางเดินหายใจ มีกี่กรณี Heimlich คือ จากกรณี อลิส อริศรา (อลิสเน็ตไอดอล) เน็ตไอดอลชื่อดังยุคแรก ๆ ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา จากภาวะสำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ สร้างความเสียใจให้แก่ครอบครัวและแฟนคลับเป็นอย่างมาก แล้วภาวะนี้คืออะไร หากเกิดเหตุขึ้นสามารถปฐมพยาบาลให้รอดอย่างทันท่วงทีได้ไหม มาทำความรู้จักที่นี่ TOP News

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยเมื่อวานนี้ (6 มิถุนายน 2565) เกิดข่าวช็อกในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก เมื่อทางด้านเน็ตไอดอลชื่อดัง อลิส อริศรา จากไปอย่างสงบ ก่อนที่ต่อมาทางด้านเพื่อนสนิทของเธอได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงผ่านเฟซบุ๊ก Sirikanda Chaiburut ว่า มาทำความเข้าใจในการจากไปของน้องอลิสและขอให้ทุกคนให้เกียรติน้องและครอบครัวด้วยนะคะ (อย่าพูดถึงน้องในทางเสียหายถ้าไม่รู้จริง)

 

 

สำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ

 

 

หลายคนถามป่านมาภาวะที่น้องอลิสเป็นคืออะไร ‘ภาวะสำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ’ เกิดจากอาหาร (ข้าวเหนียวหมูปิ้ง) ติดค้างอุดตันในระดับของกล่องเสียงหรือหลอดลมทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ ทำให้น้องหายใจไม่สะดวกและด้วยภาวะนี้ทำให้สมองขาดออกซิเจน เป็นเหตุทำให้เกิดภาวะเจ้าหญิงนิทรา น้องนอนโรงพยาบาลติดเตียงมาถ้ารวมวันนี้ด้วยจะครบ 3 เดือนพอดี กลางดึกเมื่อคืนน้องมีภาวะไข้ขึ้นรุนแรงและหายใจไม่ออกอย่างรุนแรงและจากไปอย่างสงบเวลา 12.50 ของวันนี้

 

 

ไม่ชอบให้ใครพูดถึงน้องในทางไม่ดีและนี่คือสาเหตุโดยตรงทางการแพทย์ที่แพทย์แจ้งมาและจากคุณแม่โดยตรงเลย Rip นางฟ้าคนสวยของพี่
ขอร้องนะคะอย่า comment หรือพูดถึงน้องในทางไม่ดีช่วยให้เกียรติน้องอลิสและครอบครัวด้วย ขออนุญาตลงรูปนี้เพราะเป็นรูปที่จะตั้งไว้หน้าศพ ช่วยกันเลือกกับคุณแม่.. น้องดูสดใสและตัวน้องเองก็ชอบสีชมพูมากด้วย ปล. Facebook IG ของน้องอลิสไม่มีใครสามารถรู้รหัสและเข้าใช้งานได้นะคะ

 

 

สำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ

 

 

 

โดย ภาวะสำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ นั้นคืออะไร ทางด้าน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัมหิดล ได้ให้ข้อมูลความรู้ ไว้ดังนี้  (ปัญหาสำลัก)  สิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายเป็นปัญหาที่มีความสำคัญและอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ มักพบในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี  ซึ่งเป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากเห็น สนใจชอบค้นคว้า ทดลองด้วยตนเอง จึงมักเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในช่องต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะช่องทางเดินหายใจ อันได้แก่  รูจมูก และปาก

 

 

ประกอบกับฟันกรามที่ยังขึ้นไม่ครบสมบูรณ์ทำให้ไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารชิ้นโตให้ละเอียดเพียงพอ จึงอาจเกิดการสำลักในระหว่างรับประทานอาหาร และวิ่งเล่นไปด้วย ในผู้ใหญ่สามารถเกิดปัญหาสำลักได้เช่นเดียวกัน เมื่อผู้ป่วยพยายามจะทำกิจกรรมหลายๆอย่างในขณะกินอาหาร เช่น พูดหัวเราะ  เป็นต้น  บางครั้งฟันปลอมที่ยึดติดไม่แน่นพอ อาจเลื่อนหลุดลงสู่ทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหารโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นเดียวกัน

 

 

 

สำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ

 

 

 

ปัญหาที่เกิดตามหลังการสำลัก

  1. ทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ซึ่งทางเดินหายใจมีขนาดเล็กอยู่แล้ว การอุดกั้นแม้เพียงเล็กน้อย อาจทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
  2. เกิดการอุดกั้นของหลอดลมส่วนปลาย ทำให้เกิดภาวะปอดแฟบ ปอดพอง หรือหอบหืดได้
  3. เกิดการอุดกั้นการระบายของเสมหะในทางเดินหายใจ ทำให้เกิดปัญหาการอักเสบติดเชื้อตามมา เช่น ปอดอักเสบ, หลอดลมอักเสบ เป็นต้น
  4. สิ่งแปลกปลอมบางชนิด เช่น ถ่านนาฬิกาถ่านเครื่องคิดเลข  เมื่อตกค้างในทางเดินหายใจจะทำปฏิกิริยากับเสมหะหรือสิ่งคัดหลั่งต่าง ๆ เกิดเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นด่างเข้มข้นรั่วซึมออกจากตัวถ่าน ทำให้เกิดการทำลายของเนื้อเยื่อข้างเคียงอย่างรุนแรง จนบางครั้งเกิดการทะลุของอวัยวะภายในเข้าสู่ช่องอกเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

 

 

ภาวะฉุกเฉินกรณีทางเดินหายใจอุดกั้น

เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจผู้ป่วยจะมีอาการสำลัก ไออย่างรุนแรง และมีอาหารหายใจลำบากได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดรูปร่างและตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอม สิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่มักติดค้าง และเกิดการอุดตันในระดับของกล่องเสียงหรือหลอดลมส่วนต้น ทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจอย่างสมบูรณ์และเฉียบพลัน ผู้ป่วยมักมีประวัติสำลักในขณะรับประทานอาหาร กุมฝ่ามือไว้ที่ลำคอ พูดไม่มีเสียง กระสับกระส่าย หายใจไม่เข้า ริมฝีปากเขียวคล้ำ ภาวะนี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉินเนื่องจากผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่นาที

 

 

แนะนำให้ใช้วิธีของ Heimlich ช่วยเหลือผู้ป่วยโดยในผู้ใหญ่ หรือเด็กโต ให้ทำในท่านั่งหรือยืนโน้มตัวไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ผู้ช่วยเหลือเข้าทางด้านหลัง ใช้แขนสอดสองข้างโอบผู้ป่วยไว้  มือซ้ายประคองมือขวาที่กำมือวางไว้ที่ใต้ลิ้นปี่  ดันกำมือขวาเข้าใต้ลิ้นอย่างรวดเร็วเพื่อให้เกิดแรงดันในช่องท้อง ดันเข้าใต้กระบังลมผ่านไปยังช่องทรวงอกเพื่อดันให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกจากกล่องเสียง ในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปีอาจใช้วิธีตบหลังหรือใช้ฝ่ามือวางลงบนทรวงอก แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดลงบริเวณใต้ลิ้นปี่

 

 

 

สำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ

 

 

 

ข้อพึงระวัง

  1. ไม่แนะนำให้ใช้นิ้วมือกวาดไปในลำคอเด็ก เนื่องจากอาจทำให้สิ่งแปลกปลอมเคลื่อนตัวไปสู่ตำแหน่งที่มีการอุดกั้นมากขึ้น
  2. วิธีของ Heimlich ดังกล่าวควรใช้ในกรณีฉุกเฉินที่ผู้ป่วยมีการอุดกั้นของทางเดินหายใจอย่างสมบูรณ์เท่านั้นและผู้ช่วยเหลือควรมีความชำนาญพอสมควร ในกลุ่มผู้ป่วยที่ยังพอมีสติ หายใจเองได้ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลมากกว่า เนื่องจากการตัดสินใจใช้วิธีดังกล่าวในผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นทางเดินหายใจอย่างสมบูรณ์ อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่าเดิม  ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพทย์พิจารณาให้การรักษา และนำสิ่งแปลกปลอมออกจากทางเดินหายใจด้วยวิธีที่เหมาะสม  ปลอดภัย ได้แก่การดมยาสลบและใช้กล้องส่องตรวจทางเดินหายใจ
  3. สิ่งแปลกปลอมขนาดเล็ก อาจมีอาการไม่ชัดเจนและเกิดผลแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ  หอบหืด หลังการสำลักนานเป็นวันถึงสัปดาห์ได้  พี่เลี้ยงเด็กหรือตัวเด็กเองอาจกลัวถูกตำหนิหรือทำโทษจึงปกปิดประวัติการสำลักสิ่งแปลกปลอมไว้

 

 

คำแนะนำเพื่อป้องกันการสำลักสิ่งแปลกปลอม

  1. เลือกชนิดและขนาดของอาหารที่เหมาะสมให้แก่เด็กในวัยต่าง ๆ เพื่อป้องกันการสำลักอาหารและไม่ควรป้อนอาหารเด็กในขณะที่เด็กกำลังวิ่งเล่นอยู่
  2. เลือกชนิด  รูปร่างและขนาดของของเล่นให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก  รวมทั้งจัดเก็บสิ่งของที่อาจเป็นอันตราย ให้ปลอดภัยจากการหยิบฉวยของเด็ก
  3. สำหรับในผู้ใหญ่ที่มีปัญหาเรื่องฟัน  จะต้องปรึกษาทันตแพทย์เพื่อจัดหาฟันปลอมที่เหมาะสม เลือกรับประทานอาหารที่ไม่ต้องบดเคี้ยวรุนแรงมาก  ขนาดชิ้นอาหารที่พอเหมาะ  และควรถอดฟันปลอมออกก่อนเข้านอน

 

 

คำแนะนำในกรณีที่เกิดการสำลักสิ่งแปลกปลอม

  1. รีบนำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ทันที
  2. งดน้ำ งดอาหารผู้ป่วยทันทีที่เกิดการสำลัก
  3. กรณีเป็นเด็กให้สอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ว่า เด็กเกิดการสำลักในขณะทำอะไรอยู่  เช่น กินอาหาร  ขนม  เล่นของเล่น เป็นต้น  พร้อมทั้งนำตัวอย่างของอาหาร  ขนม สิ่งแปลกปลอมที่สงสัยมาด้วยเพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนการรักษาของแพทย์

 

 

 

สำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ

 

 

ขอขอบคุณ : Sirikanda Chaiburut , si.mahidol 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น