๘ มิ.ย.๒๕๖๕ กลายเป็นอีกวันประวัติศาสตร์ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อมีการผ่านกฎหมายสำคัญๆ ๒ ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับแรก ร่าง.พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…..ที่เสนอโดย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการเสนอปลดล็อคกัญชากัญชงจากยาเสพติดมาตั้งแต่ต้น ส่วนฉบับที่ ๒ ก็คือ ร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่…) พ.ศ. … หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า” วาระ ๑ ขั้นรับหลักการ ที่ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยสาระสำคัญของกฎหมายก็คือ เปิดให้รายย่อยสามารถผลิตและจำหน่ายสุรา โดยลดเงื่อนไขการขออนุญาตลงมาให้ง่ายและคล่องตัวขึ้น แต่ปรากฏว่าถูกเบรกโดยครม.ที่ขอนำร่างดังกล่าวกลับไปทบทวน ก่อนส่งกลับมาให้สภาพิจารณากันเมื่อวานนี้ หลังปล่อยให้ส.ส.แต่ละพรรคอภิปรายกันจนจบสิ้นกระบวนความ ราวสองทุ่มวานนี้ที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการร่างกฎหมายที่ว่าด้วยคะแนน ๑๗๘ คน ไม่รับหลักการ ๑๓๗ คน งดออกเสียง ๑๕ คน ก่อนเห็นด้วยในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน ๒๕ คน แบ่งเป็น ครม. ๕ คน และพรรคการเมือง ๒๐ คน โดยให้ กมธ.แปรญัตติภายใน ๗ วัน
ถือเป็นวันสำคัญที่ต้องจดจำอีกวันหลังสภาไทยปลดล็อคให้คนตัวเล็กที่ไม่ใช่นายทุนรายใหญ่ อาทิ ชาวบ้าน ธุรกิจรายย่อย วิสาหกิจชุมชน ฯลฯ มีโอกาสในการปรุงสุราพื้นบ้านขึ้นมาจำหน่าย เป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนไทยโดยไม่ต้องทนผูกขาดซื้อหรือกินแต่สุรายี่ห้อเก่าๆเหล้าเจ้าเดิมๆที่ครองตลาดผูกขาดการประกอบธุรกิจมาอย่างยาวนาน แม้จะเป็นวาระแรกของการเสนอร่างกฎหมาย แต่ก็พอมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ว่าการผ่านกฎหมายเรื่องนี้น่าจะไปได้ หลังจากที่ถูกดึงถูกแช่แข็งถูกเมินมาอย่างยาวนานจากหลายรัฐบาลหลายยุคหลายสมัย แต่จากการที่เห็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาลลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้ากันอย่างคึกคัก โดยไม่สนว่ากฎหมายนี้จะเสนอมาโดยพรรคก้าวไกลที่เป็นฝ่ายค้านฝ่ายตรงข้าม ซึ่งโดยปกติส.ส.ซีกรัฐบาลต้องล้มต้องคว่ำกฎหมายที่เสนอจากต่างขั้วกันเป็นธรรมดา
ตรงนี้ก็ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่แม้จะเป็นส.ส.ฝั่งรัฐบาลแต่ถ้าเห็นว่าเรื่องนั้นมีประโยชน์กับชาวบ้านก็สามารถยกมือสนับสนุนร่างกฎหมายได้ รอบนี้จึงเห็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาลลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนแนวคิดปลดล็อคเรื่องนี้กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง อาทิ วีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ , เกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ , ภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย , บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจไทย เป็นต้น ขณะที่เสียงสนับสนุนผ่านร่างกฎหมายนี้ในวาระแรกก็มาจากมือของส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจำนวนมาก ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ ๒๓ คน พรรคภูมิใจไทย ๙ คน พรรคพลังประชารัฐ ๒ คน พรรคเศรษฐกิจไทย ๑๕ คน ฯลฯ แม้งานนี้เสียงส่วนใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาลยังคว่ำยังตีตกกฎหมายนี้ถึง ๑๓๗ คน แต่เท่าที่กล้าหาญแสดงตัวออกมาเห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็น่าชื่นชมยกย่องแล้ว ไม่ใช่แค่พวกมากลากไปฝ่ายค้านเสนออะไรก็ตีตกคว่ำไปหมด ทั้งๆที่เรื่องนี้นับว่าเป็นประโยชน์เป็นทางเลือกให้กับชาวบ้าน
เสร็จสิ้นจากวาระแรก วรพจน์ ด้วงพิบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมายภาษีสรรพสามิต เปิดเผยว่าจากนี้กรมสรรพสามิตจะไปปรับปรุงกฎกระทรวง ยกเลิกทุนจดทะเบียน และทบทวนกำลังการผลิตให้เหมาะสมกับการควบคุม โดยจะใช้เวลาในการปรับปรุงกฎหมายภายใน ๓ เดือน ก่อนเสนอให้ครม.อนุมัติการบังคับใช้โดยเร็ว อย่างไรก็ตามแม้จะผ่านการพิจารณาจากสภาในวาระแรก แต่ก็ยังมีชั้นของการแปรญัตติและมียังวาระ ๒ และ ๓ ให้ต้องลุ้นกันอีก ที่ในซีกของรัฐบาลก็ยังมีคนต้านคนไม่เห็นด้วยกับการปลดล็อคเรื่องนี้ อย่าลืมว่าหากมีการไฟเขียวให้รายย่อยทำสุราพื้นบ้านได้ถูกกฎหมายเชื่อว่าจะทำให้นายทุนเจ้าใหญ่เสียหายมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรื่องนี้จึงไม่น่าที่จะจบลงได้แบบง่ายๆ
เท่าพิภพในฐานะคนเสนอกฎหมายเรื่องนี้ก็ทราบดี บางช่วงบางตอนในการพูดถึงเรื่องนี้จึงสะท้อนถึงปัญหาอุปสรรคในการผลักดันกฎหมายเรื่องนี้ให้สังคมเห็นภาพชัด “ จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่า ทำไมคนตัวเล็กถึงทำเหล้า ทำเบียร์ขายไม่ได้ การตั้งคำถามว่าต้มเหล้าทำเบียร์แล้วใส่สารต่างๆ ผสมสารอันตรายต่อสุขภาพเข้าไปจะทำอย่างไรนั้น ยืนยันว่าการควบคุมคุณภาพยังคงเหมือนเดิม ร่างกฎหมายที่เสนอนั้นไม่ได้เข้าไปแก้ไขอะไร ดังนั้นการพูดในลักษณะนี้จึงถือเป็นการใส่ร้ายของราชการและนายทุนใหญ่……ผมไม่ใช่ซีโร่ทูฮีโร่ เพราะเรื่องนี้ทำคนเดียวไม่ได้ อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่สรรพสามิตและรมว.คลัง ให้แก้กฎกระทรวงรอไว้เลย เพราะมันเปลี่ยนไปแล้ว ” เท่าพิภพระบุ
ขณะที่ฝ่ายหัวหน้าพรรคอย่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ออกมาเคลมผลงานเรื่องนี้ว่าเป็น “โบว์แดง” ของพรรคก้าวไกล ไม่ต่างจากเรื่องกัญชาของพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นนับหนึ่งปลดล็อคสุราพื้นบ้าน ให้ชาวบ้านได้ลืมตาอ้าปากได้มีรายได้มีเงินเข้ากระเป๋า ก่อนยกประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับจากการผ่านกฎหมายนี้ ๗ ข้อ ประกอบด้วย ๑ .ของถูกจะกลายเป็นของแพง สินค้าเกษตรจะมีมูลค่าสูงขึ้น ๒.มีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นมีเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจชุมชนไม่น้อยกว่า ๓ หมื่นล้านบาท ๓.เปิดการท่องเที่ยวท้องถิ่น เพราะมีสินค้าชุมชนเกิดขึ้นทำให้เกิดอัตลักษณ์ชุมชน ๔.มีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นจุดขายให้กับประเทศ ๕.ลดการนำเข้าเหล้าเบียร์จากต่างประเทศ และยังสามารถส่งออกได้ด้วย ทำให้เกิดดุลการค้ากลับมา ๓ พันล้านบาทต่อปี ๖ .ลดอำนาจการต่อรองราคาพืชผลเกษตร และ ๗. เกิดอุตสาหกรรมต่างๆ เกี่ยวข้องกับสุรา เช่น การนำกากพืชที่เหลือไปทำอาหารสัตว์ หรือทำก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ในครัวเรือน
ความจริงความพยายามในการปลดล็อคสุราพื้นบ้านนั้นมีมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลไม่กล้าที่จะสวนไม่กล้าที่จะขัดใจนายทุนยักษ์ใหญ่ เพราะเอื้อประโยชน์ต่างตอบแทนกันมาตลอด ให้เงินสนับสนุนพรรคเป็นสปอนเซอร์ให้กับรัฐบาล จึงทำให้ทุกยุคทุกสมัยไม่มีใครอยากแตะธุรกิจน้ำเมา เพราะต่างช่วยเหลือเจือจุนกันมาตลอด อย่าว่าแต่จะไฟเขียวให้สุราพื้นบ้านได้ถือกำเนิดแล้ว อดีตแค่คิดเรื่องนี้ก็ยังไม่มีใครกล้า เพราะเงินมหาศาลมันง้างปากมันช่วยเหลือดูแลกันอยู่ ไม่นับเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องจ่ายภาษี ที่จวบจนถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่ายักษ์ใหญ่น้ำเมาเจ้าดังต่างๆ จ่ายครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์หรือป่าวหรือเล่นแร่แปรธาตุปากว่าตาขยิบช่วยเหลือกันมาแต่ช้านาน
อย่าลืมว่าบ้านเราบรรดาเหล้าเบียร์ มีตระกูลใหญ่นามสกุลดังอยู่ไม่กี่รายเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ ผูกขาดกันมาเป็นชาติทำตัวเป็นเสือนอนกินกันมานาน ถึงเวลาเลิกทาสเหล้าเบียร์ ปลดปล่อยเสรีให้คนไทยทำสุราพื้นบ้านปรุงเบียร์ท้องถิ่น ขายกินกันเอง จะได้เงินมากน้อยแค่ไหนอย่างน้อยเงินมันก็กระจายไปอยู่ในมือชาวบ้านต่างจังหวัดบ้าง ไม่ใช่เติมเต็มให้กระเป๋ามหาเศรษฐีไม่กี่สกุลที่ผูกขาดกันมาแต่ปางก่อน ถึงเวลาปลดล็อคให้ชาวบ้านได้ลืมตาอ้าปาก มีรายได้มีงานทำ กระจายเม็ดเงินให้ท้องถิ่น ไม่ใช่มาผูกขาดทำเหล้าเบียร์กันไม่กี่เจ้าไม่กี่ตระกูล เสวยสุขกันมานานนมรวยจนอื้อซ่าไม่ลืมหูลืมตามานานแล้ว ลำพังเงินที่มีอยู่ใช้ถึงชาติหน้าก็ไม่หมด
ถึงเวลาเปิดทางให้ชาวบ้านได้มีเงินเข้ากระเป๋ากับเขาบ้าง ในส่วนรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลก็อย่าไปจระเข้ขวางคลองขวางลำเรื่องนี้มากนัก คนเขาจะรู้ทันว่ามีเอี่ยวกับนายทุน ได้ประโยชน์จากเจ้าสัวน้ำเมา ระวังจะพังเอาง่ายๆ เรื่องนี้มันอ่อนไหวและจุดติดง่าย อย่ามาอ้างเรื่องห่วงสุขภาพชาวบ้าน เรื่องห่วงเยาวชน คนไทยเขาไม่โง่คนไทยเขารู้ทัน เหล้าห่วยเบียร์โหล่ยโท่ยใครเขาจะไปซื้อ กฎหมายระเบียบก็มีอยู่เอามาใช้คุมคุณภาพการผลิตได้ เอาความจริงมาพูดกัน ถึงเวลาเหล้าเบียร์ยี่ห้อชาวบ้านจะประกาศศักดาให้โลกรู้ ธุรกิจทุกวันนี้มันเสรีไปถึงไหนต่อไหน ผูกขาดเหล้าเบียร์เอาใจเจ้าสัวระวังทัวร์จะลงเอา รอบนี้อาจกู่ไม่กลับแล้วจะหาว่าเราไม่เตือน
ปิดท้ายต้องออกปากชมพรรคสามนิ้วก๊วนสามกีบ เอ่ยชื่อชื่นชมให้เครดิตกันไปเลยว่าพรรคก้าวไกล รอบนี้ทำดียกให้เป็นพระบิดาสุราพื้นบ้านพระมารดาเบียร์ท้องถิ่น โชว์ผลงานโบว์แดงรอบนี้คงได้คะแนนจากคนไทยสายขี้เมา คนไทยหัวใจเสรีนิยมไปอีกเยอะ เรื่องดีๆพรรค์อย่างนี้ก็ทำเป็นเว้ยเฮ้ย แถมทำดีแบบที่ต้องเอ่ยปากชม หันหัวถูกเรื่องช่วยชาวบ้านแบบนี้นะดีแล้ว อนาคตอยากให้กลับใจมาคิดใหม่ทำใหม่เรื่องสถาบัน ไอ้ที่เคยคิดชาติชั่วเลวทรามกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เพลาๆกันหน่อย เบาได้ก็เบานะไอ้น้อง สถาบันพระมหากษัตริย์เป็น ๓ เสาหลักของชาติไทย ต่อให้ไม่ชอบเกลียดยังไงก็ไม่มีทางที่จะล้มล้างลบไปจากแผ่นดินนี้ได้ เพราะเป็นรากแก้วเป็นเสาหลักค้ำจุนหนุนนำสยามประเทศนี้มาช้านาน เป็นส.ส.เป็นผู้แทนก็ควรสนใจเรื่องปากท้องใส่ใจกับเรื่องชาวบ้านมุ่งเข็มไปทางนี้ไม่ได้กว่าหรือ ล้มเจ้าพลิกฟ้าล้มสถาบันมันเกินตัว สุดท้ายปลายทางก็กลายเป็นหอกดาบทิ่มแทงตัวเองและพรรคพวกให้มอดม้วย ตัวอย่างผลักดันสุราก้าวหน้าก็มีให้เห็นทำดีทำถูกคนก็ชื่นชมทั้งแผ่นดิน อย่าไปหลงผิดด้อยค่าสถาบันล้มล้างเจ้านายเบื้องสูงเลย ทำแบบนั้นได้แต่คำสาปแช่งของคนทั้งแผ่นดิน
//////////////