ตลอดระยะเวลา ๗ ปี ๒๙๒ วัน ของการทำหน้าที่นายกฯคนที่ ๒๙ นับตั้งแต่ได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศเมื่อ ๒๔ ส.ค. ๒๕๕๗ จนถึงวันนี้ (๑๔ มิ.ย.๒๕๖๕ ) “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังอยู่ในช่วงการเป็นนายกฯเทอมสองปีสุดท้าย หลังรับสนองพระบรมราชโองการเมื่อ ๑๑ มิ.ย.๒๕๖๒ ต้องบอกว่าระหว่างทางการเป็นผู้นำประเทศของบิ๊กตู่ถ้านับตั้งแต่ตอนเข้ามาควบคุมอำนาจบริหารประเทศตั้งแต่ ๒๒ พ.ค. ๒๕๕๗ บนถนนและทางเดินไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะผ่านอุปสรรคมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ที่มาหนักสุดๆเห็นจะเป็นช่วงยุคที่เป็นนายกฯสมัยสองนี้แหละ ต้นปี ๒๕๖๓ ก็สถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด – ๑๙ ในประเทศไทย จวบจนวันนี้มีคนไทยติดโควิด- ๑๙ ไปแล้วราว ๔,๔๘๘,๔๙๗ ล้านคน เสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น ๓๐,๓๖๘ คน เกือบ ๒ ปีเศษที่ต่อสู้กับโคตรมหันตภัยร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนบนโลกนี้ไปกว่า ๖,๓๓๒,๔๘๒ ราย ติดเชื้อทั่วโลกกว่า ๕๔๑ ล้านคน ( ข้อมูล ณ วันที่ ๑๔ มิ.ย. ๒๕๖๕) พอสถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทยทำท่าจะดีขึ้น คนติดเชื้อน้อยลงคนเจ็บคนตายค่อยๆดีขึ้นเมืองไทยกำลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ปรากฎวันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกเพราะรัสเซียดันเปิดปฏิบัติการรุกคืบรุกรานยูเครนเมื่อ ๒๔ ก.พ.๒๕๖๕ ก่อนจะพัฒนาการรบจนกลายเป็นการเปิดสงครามระหว่างทั้ง ๒ ประเทศ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เกือบ ๔ เดือนแล้วสถานการณ์การสู้รบก็ยังไม่ทีท่าว่าจะดีขึ้นไม่รู้จะไปจบตรงไหนจะไปออกทางใด
ผลพวงจากการประกาศสงครามของรัสเซียต่อยูเครน นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจของโลกที่กำลังตกต่ำดำดิ่งสุดขั้วอยู่แล้วจากพิษของโควิด-๑๙ ที่ระบาดหนักทั่วโลกมา ๒ ปีเศษและยังไม่มีททีท่าจะยุติ ล่าสุดยังมาโดนภัยสงครามรบพุ่งระหว่างหมีขาวกับยูเครนผสมโรงเข้าไปอีก เศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลกเลยพังพินาศไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย ที่ทุกคนทราบดีรายได้ของประเทศไทยหลักๆมาจากสองส่วนด้วยกันก็คือ ๑ การส่งออก ๒ การท่องเที่ยว สองเรื่องนี้คือเครื่องยนตร์หลักตัวทำรายได้ให้กับประเทศ มาเจอปัจจัยภายในและภายนอก โดยเฉพาะ ๒ มหาวิบัติภัย “โควิด-สงคราม” เต็มๆ แบบนี้ ต่อให้เก่งกาจยอดเยี่ยมเพียงใดก็ไม่อาจแบกภาระให้พ้นภัยจากทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในรอบนี้ไปได้ ต้องบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์โชคร้ายและซวยจริงๆที่ต้องมาบริหารประเทศในยุคที่เจอโคตรตอปัญหาใหญ่ระดับโลกแบบนี้ ลำพังปัญหาภายในปกติของไทยที่ต้องเจอทุกปี อย่าง น้ำท่วม ภัยแล้ง ผลผลิตภาคการเกษตรตกต่ำ เงินเฟ้อ ว่างงาน ยาเสพติด รายได้ต่ำ ค่าครองชีพสูง ฯลฯ สารพัดจิปาถะก็มากพออยู่แล้ว รอบนี้มาเจอพี่โคขวิดกับพี่หมีขาวบ้าพลังช้างศึกไทยเลยตกมันวุ่นกันไปใหญ่
เรื่องเฉพาะหน้าที่จุกอกจุกแน่นคนไทยตอนนี้ก็ล้วนเป็นผลพวงมาจากสงครามรัสเซียขยี้ยูเครนนั้นแหละ ที่ทำให้ทั่วโลกป่วนกันไปหมด ไทยก็เจอไปเต็มๆ ส่งออกสินค้าไม่ได้ นักท่องเที่ยวไม่มาเที่ยวตามเป้า แต่ที่ร้ายแรงนอนตะแคงเอาตีนก่ายหน้ามากสุดหนีไม่พ้นเรื่องน้ำมันราคาติดจรวด รบกันเกือบ ๔ เดือนน้ำมันเฉียดไปลิตรละเกือบครึ่งร้อย ยุคก่อนทำมาหากิน ยุคนี้ทำมาจ่ายค่าน้ำมัน ไม่มียุคไหนสมัยใดที่น้ำมันจะแพงกว่ายุคนี้อีกแล้ว ข้อมูลล่าสุดวันนี้ (๑๔ มิ.ย.๒๕๖๕) ดีเซลบี ๗ ลิตรละ ๓๔.๙๔ บาท เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๑ ลิตรละ ๔๔.๘๘ บาท เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๕ ลิตรละ ๔๕.๑๕ บาท หากเทียบกับราคาน้ำมันที่เปิดทำการวันแรกของปีนี้ ( ๕ ม.ค.๒๕๖๕) ตอนนั้นดีเซลบี ๗ ราคาลิตรละ ๒๙.๐๔ บาท เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๑ ลิตรละ ๓๑.๔๘ บาท เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๕ ลิตรละ ๓๑.๗๕ บาท ย้ำว่าแค่ ๔ เดือนเท่านั้นราคาดีเซลบี ๗ ขึ้นมา ๕ บาทกว่า เบนซินแก๊สโซฮอล์ทั้ง ๙๑ และ ๙๕ ขึ้นมาเกือบ ๑๕ บาท เป็นการขึ้นราคาน้ำมันที่รัฐบาลประกาศว่าระดมสรรพกำลังทุกอย่างใช้ทุกวิถีทางเพื่ออุดหนุนตรึงราคาน้ำมันอย่างสุดความสามารถแล้ว แถมเงินกองทุนน้ำมันที่ใช้อุดหนุนสถานะตอนนี้ก็ติดลบเป็นหนี้กว่า ๙ หมื่นล้านบาทเกินเพดานจนไม่สามารถกู้เงินมาพยุงราคาน้ำมันได้อีกแล้ว ที่ร้ายไปกว่านั้นคือกระทรวงพลังงานออกมาส่งสัญาณแล้วว่ามีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะทะยานไปไกลกว่านี้ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลบี ๗ ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการขนส่งสินค้าอุปโภคและบริโภค ที่ล่าสุดมีการปรับจนชนบันไดขั้นสุดท้ายที่ ๓๕ บาทต่อลิตรแล้ว แถมมีแนวโน้มว่ารัฐบาลอาจปล่อยให้ไหลไปถึง ๓๘ บาทต่อลิตรจนติดเพดาน มาตราการคนละครึ่งที่รัฐระบุว่าใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำมันดีเซล เรื่องน้ำมันนี้แหละที่เป็น “ปัญหาอ้วกแตก” ที่บิ๊กตู่และรัฐบาลก็จนปัญญาไม่รู้จะหาทางแก้ไขยังไง เพราะปัจจัยและสิ่งแวดล้อมส่วนหนึ่งก็มาจากสงครามที่เกิดขึ้นภายนอกซึ่งไทยไม่สามารถควบคุมได้
ขณะที่แนวคิดในการแก้ไขปัญหาก็มีการเสนอมาจากหลายฝ่าย อาทิ กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ที่เสนอให้ลดค่าการกลั่นในส่วนที่เป็นกำไรส่วนเกินของบรรดาโรงกลั่นยักษ์ใหญ่ ๖ เจ้าลงมา เพื่อลดราคาน้ำมันบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน หรือการจัดเก็บภาษีลาภลอย ( windfall tax ) จากคนที่ทำธุรกิจและได้กำไรมาเฉยๆโดยไม่ทำอะไร เพื่อเอามาช่วยเหลือพยุงราคาน้ำมัน ฯลฯ ไม่ว่าจะทางใดก็แล้วแต่ เรื่องนี้บิ๊กตู่และรัฐบาลต้อง “ รีบคิด-เร่งทำ” เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนให้ได้โดยเร็วก่อนจะตายกันหมดทั้งแผ่นดิน อย่ามัวเอ่อระเหยลอยช้าปล่อยให้กระทรวงพลังงานแก้ปัญหาไปวันๆ แบบปากว่าตาขยิบ เพราะคนใหญ่ในกระทรวงพลังงานกับธุรกิจน้ำมัน ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพวกเดียวกันเสวยสุขร่วมกันมานานขนาดไหนแล้ว ถึงเวลาจัดหนักไม่ต้องเกรงกลัวใครได้แล้ว เพราะคนไทยจะตายกันหมดแล้ว ถ้าบิ๊กตู่มัวแต่เกรงใจไม่ยอมทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันประเด็นน้ำมันแพงนี้แหละจะเป็นตัวเติมเชื้อไฟไล่รัฐบาลยิกพล.อ.ประยุทธ์ไม่เชื่อก็ลองดู เพราะมันเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องไปหมด ข้าวของแพงขึ้น เงินในกระเป๋ามูลค่าลดลง ค่าครองชีพพุ่งฉิว ขนาดรถเมล์ของขสมก.ที่ว่าแน่ๆ แบกขาดทุนมาตั้งหลายปี เจอรอบนี้ก็ยังต้องหยุดเดินรถ เพราะไปต่อไม่ไหวสู้ราคาน้ำมันไม่ได้จริงๆ สุดท้ายก็เป็นภาระเดือดร้อนแสนสาหัสมาถึงคนไทยทุกคน
ใช่จะมีแต่เรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาปากท้องรุมเร้า ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นไม่หยุดเท่านั้นที่กดดันรัฐบาลโหมกระหน่ำพล.อ.ประยุทธ์ หากแต่กระแสกดดันทางการเมืองก็รุกเร้าถึงบิ๊กตู่ไม่น้อยเช่นกัน เฉพาะหน้าก็มีเรื่องกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ติดร่างแหเรื่องรุกป่าเขาใหญ่มีสิทธิ์ถึงหยุดปฏิบัติหน้าที่ หรืออาจถึงเวลาลุงตู่ต้องปรับครม.อีกสักยก ที่ตามมาหลังจากนี้ก็มีอีกเป็นพรวน กฎหมายลูก ๒ ฉบับ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ตีความวาระการทำงานของนายกฯ ฯลฯ แม้ไม่ใช่กระแสหลักไม่ใช่ปัญหาทางตรงที่จะล้มจะคว่ำนายกฯได้ เพราะอย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าฝ่ายค้านไม่มีปัญญาหักเขี้ยวบูรพาพยัคฆ์ ยกแรกอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๒๕๖๖ ก็ล้มไม่เป็นท่า ผลโหวต ๒๗๘ เสียงกับ ๑๙๔ เสียง ก็ชัดเจนว่าฝ่ายค้านบ้อท่าจนปัญญาจะทำอะไรบิ๊กตู่เจาะเรือแป๊ะให้รั่วได้ แต่ก็อย่าประมาทอย่าหลงระเริงไป เรื่องข้าวของแพง ค่าครองชีพถีบตัวพุ่งกระฉูด น้ำมันขึ้นเอาๆไม่หยุด แต่รายได้ของชาวบ้านลดลงคนจนมากขึ้น อย่าทำเป็นเล่นไป เรื่องพวกนี้ “ฝ่ายแค้น-ฝ่ายค้าน” จับจ้องอยู่ ทักษิณนักโทษหนีคดีคนแดนไกลฉลาดเป็นกรดเขี้ยวตัวพ่อ ทำไมจะอ่านใจคนไทยไม่ออก เศรษฐกิจตกต่ำ สังคมย่ำแย่ ฝ่ายค้านก็พร้อมจุดไฟผสมโรงทุกเรื่องได้ตลอด การเมืองตอนนี้ก็ยังยุ่งๆหลายเรื่องก็ยังไม่เรียบร้อย งบประมาณอาจจะผ่านไปแล้ว แต่เรื่องกฎหมายลูก ๒ ฉบับยังยุ่งอยู่ ตกลงเอาไงแน่ ๑๐๐ หาร หรือ ๕๐๐ หาร บิ๊กตู่กับบิ๊กป้อมต้องคุยกันให้ชัด ถกกันให้ตกผลึกไปเลยจะเอายังไง จะเอาเข้าทางตีนทักษิณหรือเข้าทางพวกกู ก็ต้องฟันธงกันแล้ว ครึ่งๆกลางๆ ไม่เคาะกันเสียที คนอื่นๆก็ไปต่อกันลำบาก เหลือไม่กี่วันก็จะพิจารณากฎหมายลูกวาระ ๒ และ ๓ แล้ว ๒๓-๒๔ มิ.ย.นี้ต้องคุยกันให้จบ ว่าเลือกตั้งจะคิดคะแนนแบบไหนจะใช้สูตรคำนวณบัญชีรายชื่อยังไง หรือถึงขั้นต้องล้างไพ่ใหม่ก็ต้องคิดกันให้ดีๆ ทักษิณนั่งฝั่งอยู่ที่ดูไบ เพราะเสร็จจากนั้นยังมีอภิปรายไม่ไว้วางใจรอจ่อคิวอีก อย่าวางใจว่าโหวตงบประมาณชนะขาดแล้วศึกซักฟอกจะผ่านฉลุย ของแบบนี้มันไม่แน่หรอกครับนาย
ล่าสุดวางเป้าหมายกันไว้แล้ว ๑๐ คน ซักฟอกผู้นำรัฐบาล ๓ ป.บูรพาพยัคฆ์ “ป้อม-ป๊อก-ตู่” พ่วงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอีกยกพวง ๗ คน “สันติ-สุชาติ-ชัยวุฒิ-อนุทิน-ศักดิ์สยาม-จุรินทร์-เฉลิมชัย” วางกรอบคร่าวๆไว้ ๑๘-๒๒ ก.ค. ศกนี้ ฝ่ายค้านจับรัฐมนตรีขึ้นเขียงเที่ยวนี้ บิ๊กตู่อย่าวางใจว่ารอดอย่าคิดว่าเที่ยวนี้แค่ชิลด์ๆ คนลำบากชาวบ้านเดือดร้อน ไอ้ที่เป็นต่ออยู่ถ้าถูกกระแสสังคมตีกลับชาวบ้านลุกฮือระวังจะตกม้าตายเอาง่ายๆ พรรคผู้กองก๊วนร.อ.ธรรมนัสก็ประกาศอยู่ว่าตัดสินใจทุกอย่างต้องฟังเสียงชาวบ้าน พรรคเล็กก็อย่าคิดไว้ใจเพราะเจอดูไบเหมาสวนกล้วยมาแจกแล้วจะหนาว การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรอย่าคิดอะไรเป็นบวกหมด เขียนอย่างนี้ไม่ได้ต้องการยุให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกคอ แต่ผลประโยชน์ของชาวบ้านต้องมาก่อนเรื่องพวกพ้องตัวเองต้องมาทีหลัง พล.อ.ประยุทธ์อยากไปต่ออย่าเกรงใจคนใกล้ตัวอย่าไปหงอพวกนายทุนผูกขาดอย่าไปกลัวที่จะชนกับธุรกิจยักษ์ใหญ่ ปากท้องคนไทยต้องนำหน้าเดือดร้อนชาวบ้านต้องมาก่อน ถ้าท่านทำสิ่งที่ถูกที่ควรพลังจากประชาชนนี้แหละจะเป็นเกราะคุ้มครองท่านเอง
เศรษฐกิจตกต่ำ การเมืองรุมเร้า ม็อบเลยคัมแบ็ค กลับมาชุมนุมกันอีกครั้งที่สามเหลี่ยมดินแดง รอบนี้ยังไม่รู้ใครเป็นแบ็กใครให้ทุน แต่ออกมาทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ก็มีแต่พวกหน้าเดิมนั้นแหละ ที่อ้างมาเรียกร้องประชาธิปไตยมาขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนอดีตให้ฟังแบบเร็วๆรอบ ๒ สมัยหลังนี้บิ๊กตู่มาจากการเลือกตั้งนะ พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ ผู้แทนในสภายกมือหนุนกันท่วมท้น ถ้าบอกว่านายกฯไม่ได้มาจากประชาธิปไตยนี้โง่เลย เพราะแกมาถูกต้องทุกประการ ถ้าไม่ชอบลุงตู่เกลียดพล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องไล่ตามวิถีทาง ศึกซักฟอกเดือนหน้าก็กำลังจะเริ่มไปลุ้นตรงนั้นก็ได้ ถ้าบิ๊กตู่รอดไปได้รอบนี้ก็ไปลุ้นตีความอายุการทำงานนายกฯ ๘ ปี ช่วงหลังวันที่ ๒๓ ส.ค.ก็ยังได้อีกก๊อก หรือถ้าลุงตู่ดวงแข็งจริงผ่านไปได้ทั้ง ๒ ด่าน พี่ๆม็อบสายชุมนุมก็รอหน่อย ไม่เกิน ๑ ปีนับถอยหลังจากนี้ยังไงก็มีเลือกตั้งทั่วไปอยู่แล้ว เพราะอายุสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะครบวาระวันที่ ๒๓ มี.ค. ๒๕๖๖ ดูทรงแล้วบิ๊กตู่คงไม่อยู่ขอทำสถิติจบครบวาระคาเก้าอี้ ๒ สมัยแน่ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นส.ส.จะเจอ “เดดล็อค” ตายห่าทางการเมืองกันพอดีเพราะย้ายพรรคไม่ทันภายใน ๙๐ วันก่อนเลือกตั้ง ยังไงบิ๊กตู่ก็ต้องยุบสภาก่อนเพื่อปลดล็อคให้งูเห่าได้ย้ายบ้าน มีเวลาให้บรรดาส.ส.หรือผู้แทนได้เลือกทางเดิน ตรงนี้กฎหมายก็จะหยวนๆ ให้ว่าหากมีการยุบสภาส.ส.จะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน พอจะมีเวลาให้ลืมตาอ้าปากกันได้บ้าง ถึงตอนนั้นถ้าพี่ๆม็อบสายชุมนุมเผาบ้านผลาญเมืองถ้าไม่ชอบบิ๊กตู่ก็ไม่ต้องเลือกกลับมาเป็นนายกฯ อดใจรอเวลาอีกนิดจะรีบร้อนวิชาออกมาเผาบ้านเผาเมืองกันทำไม
บิ๊กตู่แกไม่ตกใจแกไม่ขวัญเสียหรอกหนักกว่านี้แกก็เจอมาเยอะแล้ว คนที่เหงื่อท่วมคอแห้งก็ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ที่ชื่อ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” นู้น ทำลายข้าวของภาษีของคนกรุง ทำรถติด ทำชาวบ้านขวัญเสีย เดือดร้อนกันไปทั่ว ออกมาเรียกร้องด้วยวิธีหาเรื่องตำรวจไขว้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตรงสามเหลี่ยมดินแดงหรืออนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วยการทำผิดกฎหมายแบบนี้ แรงกดดันน่าจะไปถึงนายกฯน้อยแต่ไปถึงชัชชาติผู้ว่าฯสายไลฟ์สดแบบเต็มๆ มากกว่า เพราะประกาศนโยบายให้ท้ายม็อบอำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุม ไล่นายกฯต้านรัฐบาลไม่มีใครว่าแต่มาทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านทำลายข้าวของทางราชการ ใช้อาวุธสิ่งของทำร้ายตำรวจแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ไอ้ที่ตั้งใจจะหาแนวร่วมระวังจะมีแต่คนเกลียด ไอ้ที่อยากให้อยู่สั้นระวังจะอยู่ยาว นับถอยหลังปีสุดท้ายของพล.อ.ประยุทธ์ ต้องบอกว่าหนักหนาสาหัสจริงๆ เศรษฐกิจถดถอย น้ำมันทะยานไม่หยุด ข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อพุ่ง รายได้คนในกระเป๋าลดลง การเมืองรุมเร้า ชุมนุมกลับมานับหนึ่ง เอาใจช่วยพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลเรือแป๊ะจริงๆ สารพัดปัญหาพะเรอเกวียนยาวเป็นหางว่าวรอให้ท่านสะสาง ปลดทุกข์ให้คนไทยได้สำเร็จ นำพาบ้านเมืองให้ก้าวไกลไปข้างหน้า
///////////////////////