เศรษฐกิจตกต่ำ การเมืองรุมเร้า ม็อบคัมแบ็ค

สารพัดมรสุมโหมกระหน่ำใส่ประยุทธ์  นานาปัญหาพุ่งตรงถึงรัฐบาล ผู้นำต้องแกร่งขนาดไหนถึงจะเอาอยู่ นับถอยหลัง ๑ ปีบิ๊กตู่สู้ไหวไหม    ผลพวงสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ทำน้ำมันทะยานไม่หยุด ข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อพุ่ง  กนกวรรณติดคดีรุกป่า หรือจะถึงเวลาปรับครม.  กฎหมายลูกเลือกตั้งยังไม่สะเด็ดน้ำ  ฝ่ายค้านจ่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ๑๐ รัฐมนตรี  ชุมนุมคัมแบ๊คกลับมาป่วนบ้านทำลายเมือง เอาใจช่วยพล.อ.ประยุทธ์ผ่านสารพัดปัญหาพะเรอเกวียน ปลดทุกข์ให้คนไทยได้สำเร็จ  นำพาบ้านเมืองให้ก้าวไกลไปข้างหน้า  

ตลอดระยะเวลา ๗ ปี ๒๙๒ วัน  ของการทำหน้าที่นายกฯคนที่ ๒๙  นับตั้งแต่ได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศเมื่อ ๒๔ ส.ค. ๒๕๕๗  จนถึงวันนี้ (๑๔ มิ.ย.๒๕๖๕ )  “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังอยู่ในช่วงการเป็นนายกฯเทอมสองปีสุดท้าย  หลังรับสนองพระบรมราชโองการเมื่อ ๑๑ มิ.ย.๒๕๖๒  ต้องบอกว่าระหว่างทางการเป็นผู้นำประเทศของบิ๊กตู่ถ้านับตั้งแต่ตอนเข้ามาควบคุมอำนาจบริหารประเทศตั้งแต่ ๒๒ พ.ค. ๒๕๕๗  บนถนนและทางเดินไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะผ่านอุปสรรคมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ที่มาหนักสุดๆเห็นจะเป็นช่วงยุคที่เป็นนายกฯสมัยสองนี้แหละ  ต้นปี ๒๕๖๓ ก็สถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด – ๑๙ ในประเทศไทย  จวบจนวันนี้มีคนไทยติดโควิด- ๑๙ ไปแล้วราว ๔,๔๘๘,๔๙๗ ล้านคน เสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น ๓๐,๓๖๘ คน  เกือบ ๒ ปีเศษที่ต่อสู้กับโคตรมหันตภัยร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนบนโลกนี้ไปกว่า ๖,๓๓๒,๔๘๒ ราย  ติดเชื้อทั่วโลกกว่า ๕๔๑ ล้านคน ( ข้อมูล ณ วันที่ ๑๔ มิ.ย. ๒๕๖๕)  พอสถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทยทำท่าจะดีขึ้น  คนติดเชื้อน้อยลงคนเจ็บคนตายค่อยๆดีขึ้นเมืองไทยกำลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว  ปรากฎวันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกเพราะรัสเซียดันเปิดปฏิบัติการรุกคืบรุกรานยูเครนเมื่อ ๒๔ ก.พ.๒๕๖๕  ก่อนจะพัฒนาการรบจนกลายเป็นการเปิดสงครามระหว่างทั้ง ๒ ประเทศ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เกือบ ๔ เดือนแล้วสถานการณ์การสู้รบก็ยังไม่ทีท่าว่าจะดีขึ้นไม่รู้จะไปจบตรงไหนจะไปออกทางใด

ผลพวงจากการประกาศสงครามของรัสเซียต่อยูเครน  นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจของโลกที่กำลังตกต่ำดำดิ่งสุดขั้วอยู่แล้วจากพิษของโควิด-๑๙ ที่ระบาดหนักทั่วโลกมา ๒ ปีเศษและยังไม่มีททีท่าจะยุติ ล่าสุดยังมาโดนภัยสงครามรบพุ่งระหว่างหมีขาวกับยูเครนผสมโรงเข้าไปอีก เศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลกเลยพังพินาศไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย  ที่ทุกคนทราบดีรายได้ของประเทศไทยหลักๆมาจากสองส่วนด้วยกันก็คือ ๑ การส่งออก ๒ การท่องเที่ยว  สองเรื่องนี้คือเครื่องยนตร์หลักตัวทำรายได้ให้กับประเทศ มาเจอปัจจัยภายในและภายนอก โดยเฉพาะ ๒ มหาวิบัติภัย  “โควิด-สงคราม” เต็มๆ แบบนี้  ต่อให้เก่งกาจยอดเยี่ยมเพียงใดก็ไม่อาจแบกภาระให้พ้นภัยจากทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในรอบนี้ไปได้  ต้องบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์โชคร้ายและซวยจริงๆที่ต้องมาบริหารประเทศในยุคที่เจอโคตรตอปัญหาใหญ่ระดับโลกแบบนี้  ลำพังปัญหาภายในปกติของไทยที่ต้องเจอทุกปี อย่าง น้ำท่วม ภัยแล้ง ผลผลิตภาคการเกษตรตกต่ำ เงินเฟ้อ ว่างงาน  ยาเสพติด รายได้ต่ำ ค่าครองชีพสูง ฯลฯ  สารพัดจิปาถะก็มากพออยู่แล้ว  รอบนี้มาเจอพี่โคขวิดกับพี่หมีขาวบ้าพลังช้างศึกไทยเลยตกมันวุ่นกันไปใหญ่

เรื่องเฉพาะหน้าที่จุกอกจุกแน่นคนไทยตอนนี้ก็ล้วนเป็นผลพวงมาจากสงครามรัสเซียขยี้ยูเครนนั้นแหละ ที่ทำให้ทั่วโลกป่วนกันไปหมด ไทยก็เจอไปเต็มๆ ส่งออกสินค้าไม่ได้ นักท่องเที่ยวไม่มาเที่ยวตามเป้า แต่ที่ร้ายแรงนอนตะแคงเอาตีนก่ายหน้ามากสุดหนีไม่พ้นเรื่องน้ำมันราคาติดจรวด รบกันเกือบ ๔ เดือนน้ำมันเฉียดไปลิตรละเกือบครึ่งร้อย ยุคก่อนทำมาหากิน  ยุคนี้ทำมาจ่ายค่าน้ำมัน  ไม่มียุคไหนสมัยใดที่น้ำมันจะแพงกว่ายุคนี้อีกแล้ว ข้อมูลล่าสุดวันนี้ (๑๔ มิ.ย.๒๕๖๕)  ดีเซลบี ๗ ลิตรละ  ๓๔.๙๔ บาท เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๑ ลิตรละ ๔๔.๘๘ บาท  เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๕ ลิตรละ ๔๕.๑๕ บาท  หากเทียบกับราคาน้ำมันที่เปิดทำการวันแรกของปีนี้ ( ๕ ม.ค.๒๕๖๕)  ตอนนั้นดีเซลบี ๗ ราคาลิตรละ ๒๙.๐๔ บาท เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๑ ลิตรละ ๓๑.๔๘ บาท  เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๕ ลิตรละ ๓๑.๗๕ บาท   ย้ำว่าแค่ ๔ เดือนเท่านั้นราคาดีเซลบี ๗ ขึ้นมา ๕ บาทกว่า เบนซินแก๊สโซฮอล์ทั้ง ๙๑ และ ๙๕ ขึ้นมาเกือบ ๑๕ บาท เป็นการขึ้นราคาน้ำมันที่รัฐบาลประกาศว่าระดมสรรพกำลังทุกอย่างใช้ทุกวิถีทางเพื่ออุดหนุนตรึงราคาน้ำมันอย่างสุดความสามารถแล้ว แถมเงินกองทุนน้ำมันที่ใช้อุดหนุนสถานะตอนนี้ก็ติดลบเป็นหนี้กว่า ๙ หมื่นล้านบาทเกินเพดานจนไม่สามารถกู้เงินมาพยุงราคาน้ำมันได้อีกแล้ว  ที่ร้ายไปกว่านั้นคือกระทรวงพลังงานออกมาส่งสัญาณแล้วว่ามีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะทะยานไปไกลกว่านี้  โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลบี ๗  ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการขนส่งสินค้าอุปโภคและบริโภค  ที่ล่าสุดมีการปรับจนชนบันไดขั้นสุดท้ายที่ ๓๕ บาทต่อลิตรแล้ว แถมมีแนวโน้มว่ารัฐบาลอาจปล่อยให้ไหลไปถึง ๓๘ บาทต่อลิตรจนติดเพดาน มาตราการคนละครึ่งที่รัฐระบุว่าใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำมันดีเซล  เรื่องน้ำมันนี้แหละที่เป็น “ปัญหาอ้วกแตก” ที่บิ๊กตู่และรัฐบาลก็จนปัญญาไม่รู้จะหาทางแก้ไขยังไง เพราะปัจจัยและสิ่งแวดล้อมส่วนหนึ่งก็มาจากสงครามที่เกิดขึ้นภายนอกซึ่งไทยไม่สามารถควบคุมได้

ขณะที่แนวคิดในการแก้ไขปัญหาก็มีการเสนอมาจากหลายฝ่าย อาทิ กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ที่เสนอให้ลดค่าการกลั่นในส่วนที่เป็นกำไรส่วนเกินของบรรดาโรงกลั่นยักษ์ใหญ่ ๖ เจ้าลงมา เพื่อลดราคาน้ำมันบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน  หรือการจัดเก็บภาษีลาภลอย ( windfall tax ) จากคนที่ทำธุรกิจและได้กำไรมาเฉยๆโดยไม่ทำอะไร เพื่อเอามาช่วยเหลือพยุงราคาน้ำมัน ฯลฯ  ไม่ว่าจะทางใดก็แล้วแต่  เรื่องนี้บิ๊กตู่และรัฐบาลต้อง “ รีบคิด-เร่งทำ” เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนให้ได้โดยเร็วก่อนจะตายกันหมดทั้งแผ่นดิน อย่ามัวเอ่อระเหยลอยช้าปล่อยให้กระทรวงพลังงานแก้ปัญหาไปวันๆ แบบปากว่าตาขยิบ  เพราะคนใหญ่ในกระทรวงพลังงานกับธุรกิจน้ำมัน ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพวกเดียวกันเสวยสุขร่วมกันมานานขนาดไหนแล้ว  ถึงเวลาจัดหนักไม่ต้องเกรงกลัวใครได้แล้ว  เพราะคนไทยจะตายกันหมดแล้ว   ถ้าบิ๊กตู่มัวแต่เกรงใจไม่ยอมทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันประเด็นน้ำมันแพงนี้แหละจะเป็นตัวเติมเชื้อไฟไล่รัฐบาลยิกพล.อ.ประยุทธ์ไม่เชื่อก็ลองดู  เพราะมันเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องไปหมด ข้าวของแพงขึ้น เงินในกระเป๋ามูลค่าลดลง ค่าครองชีพพุ่งฉิว ขนาดรถเมล์ของขสมก.ที่ว่าแน่ๆ แบกขาดทุนมาตั้งหลายปี  เจอรอบนี้ก็ยังต้องหยุดเดินรถ เพราะไปต่อไม่ไหวสู้ราคาน้ำมันไม่ได้จริงๆ  สุดท้ายก็เป็นภาระเดือดร้อนแสนสาหัสมาถึงคนไทยทุกคน

ใช่จะมีแต่เรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาปากท้องรุมเร้า ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นไม่หยุดเท่านั้นที่กดดันรัฐบาลโหมกระหน่ำพล.อ.ประยุทธ์   หากแต่กระแสกดดันทางการเมืองก็รุกเร้าถึงบิ๊กตู่ไม่น้อยเช่นกัน   เฉพาะหน้าก็มีเรื่องกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ติดร่างแหเรื่องรุกป่าเขาใหญ่มีสิทธิ์ถึงหยุดปฏิบัติหน้าที่  หรืออาจถึงเวลาลุงตู่ต้องปรับครม.อีกสักยก  ที่ตามมาหลังจากนี้ก็มีอีกเป็นพรวน กฎหมายลูก ๒ ฉบับ อภิปรายไม่ไว้วางใจ  ตีความวาระการทำงานของนายกฯ  ฯลฯ    แม้ไม่ใช่กระแสหลักไม่ใช่ปัญหาทางตรงที่จะล้มจะคว่ำนายกฯได้  เพราะอย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าฝ่ายค้านไม่มีปัญญาหักเขี้ยวบูรพาพยัคฆ์  ยกแรกอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๒๕๖๖ ก็ล้มไม่เป็นท่า ผลโหวต ๒๗๘ เสียงกับ ๑๙๔ เสียง ก็ชัดเจนว่าฝ่ายค้านบ้อท่าจนปัญญาจะทำอะไรบิ๊กตู่เจาะเรือแป๊ะให้รั่วได้  แต่ก็อย่าประมาทอย่าหลงระเริงไป เรื่องข้าวของแพง ค่าครองชีพถีบตัวพุ่งกระฉูด น้ำมันขึ้นเอาๆไม่หยุด แต่รายได้ของชาวบ้านลดลงคนจนมากขึ้น  อย่าทำเป็นเล่นไป  เรื่องพวกนี้ “ฝ่ายแค้น-ฝ่ายค้าน” จับจ้องอยู่  ทักษิณนักโทษหนีคดีคนแดนไกลฉลาดเป็นกรดเขี้ยวตัวพ่อ  ทำไมจะอ่านใจคนไทยไม่ออก เศรษฐกิจตกต่ำ สังคมย่ำแย่  ฝ่ายค้านก็พร้อมจุดไฟผสมโรงทุกเรื่องได้ตลอด  การเมืองตอนนี้ก็ยังยุ่งๆหลายเรื่องก็ยังไม่เรียบร้อย งบประมาณอาจจะผ่านไปแล้ว  แต่เรื่องกฎหมายลูก ๒ ฉบับยังยุ่งอยู่  ตกลงเอาไงแน่ ๑๐๐ หาร หรือ ๕๐๐ หาร   บิ๊กตู่กับบิ๊กป้อมต้องคุยกันให้ชัด ถกกันให้ตกผลึกไปเลยจะเอายังไง   จะเอาเข้าทางตีนทักษิณหรือเข้าทางพวกกู ก็ต้องฟันธงกันแล้ว  ครึ่งๆกลางๆ ไม่เคาะกันเสียที  คนอื่นๆก็ไปต่อกันลำบาก  เหลือไม่กี่วันก็จะพิจารณากฎหมายลูกวาระ ๒ และ ๓ แล้ว   ๒๓-๒๔ มิ.ย.นี้ต้องคุยกันให้จบ ว่าเลือกตั้งจะคิดคะแนนแบบไหนจะใช้สูตรคำนวณบัญชีรายชื่อยังไง หรือถึงขั้นต้องล้างไพ่ใหม่ก็ต้องคิดกันให้ดีๆ ทักษิณนั่งฝั่งอยู่ที่ดูไบ  เพราะเสร็จจากนั้นยังมีอภิปรายไม่ไว้วางใจรอจ่อคิวอีก  อย่าวางใจว่าโหวตงบประมาณชนะขาดแล้วศึกซักฟอกจะผ่านฉลุย ของแบบนี้มันไม่แน่หรอกครับนาย

ล่าสุดวางเป้าหมายกันไว้แล้ว ๑๐ คน ซักฟอกผู้นำรัฐบาล  ๓ ป.บูรพาพยัคฆ์ “ป้อม-ป๊อก-ตู่” พ่วงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอีกยกพวง ๗ คน “สันติ-สุชาติ-ชัยวุฒิ-อนุทิน-ศักดิ์สยาม-จุรินทร์-เฉลิมชัย” วางกรอบคร่าวๆไว้ ๑๘-๒๒ ก.ค. ศกนี้   ฝ่ายค้านจับรัฐมนตรีขึ้นเขียงเที่ยวนี้    บิ๊กตู่อย่าวางใจว่ารอดอย่าคิดว่าเที่ยวนี้แค่ชิลด์ๆ    คนลำบากชาวบ้านเดือดร้อน  ไอ้ที่เป็นต่ออยู่ถ้าถูกกระแสสังคมตีกลับชาวบ้านลุกฮือระวังจะตกม้าตายเอาง่ายๆ  พรรคผู้กองก๊วนร.อ.ธรรมนัสก็ประกาศอยู่ว่าตัดสินใจทุกอย่างต้องฟังเสียงชาวบ้าน พรรคเล็กก็อย่าคิดไว้ใจเพราะเจอดูไบเหมาสวนกล้วยมาแจกแล้วจะหนาว  การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรอย่าคิดอะไรเป็นบวกหมด เขียนอย่างนี้ไม่ได้ต้องการยุให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกคอ  แต่ผลประโยชน์ของชาวบ้านต้องมาก่อนเรื่องพวกพ้องตัวเองต้องมาทีหลัง  พล.อ.ประยุทธ์อยากไปต่ออย่าเกรงใจคนใกล้ตัวอย่าไปหงอพวกนายทุนผูกขาดอย่าไปกลัวที่จะชนกับธุรกิจยักษ์ใหญ่  ปากท้องคนไทยต้องนำหน้าเดือดร้อนชาวบ้านต้องมาก่อน  ถ้าท่านทำสิ่งที่ถูกที่ควรพลังจากประชาชนนี้แหละจะเป็นเกราะคุ้มครองท่านเอง

เศรษฐกิจตกต่ำ การเมืองรุมเร้า ม็อบเลยคัมแบ็ค กลับมาชุมนุมกันอีกครั้งที่สามเหลี่ยมดินแดง รอบนี้ยังไม่รู้ใครเป็นแบ็กใครให้ทุน แต่ออกมาทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ก็มีแต่พวกหน้าเดิมนั้นแหละ  ที่อ้างมาเรียกร้องประชาธิปไตยมาขับไล่พล.อ.ประยุทธ์   ย้อนอดีตให้ฟังแบบเร็วๆรอบ ๒ สมัยหลังนี้บิ๊กตู่มาจากการเลือกตั้งนะ  พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ ผู้แทนในสภายกมือหนุนกันท่วมท้น ถ้าบอกว่านายกฯไม่ได้มาจากประชาธิปไตยนี้โง่เลย เพราะแกมาถูกต้องทุกประการ  ถ้าไม่ชอบลุงตู่เกลียดพล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องไล่ตามวิถีทาง ศึกซักฟอกเดือนหน้าก็กำลังจะเริ่มไปลุ้นตรงนั้นก็ได้  ถ้าบิ๊กตู่รอดไปได้รอบนี้ก็ไปลุ้นตีความอายุการทำงานนายกฯ ๘ ปี ช่วงหลังวันที่ ๒๓ ส.ค.ก็ยังได้อีกก๊อก   หรือถ้าลุงตู่ดวงแข็งจริงผ่านไปได้ทั้ง ๒ ด่าน  พี่ๆม็อบสายชุมนุมก็รอหน่อย ไม่เกิน ๑ ปีนับถอยหลังจากนี้ยังไงก็มีเลือกตั้งทั่วไปอยู่แล้ว เพราะอายุสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะครบวาระวันที่ ๒๓ มี.ค. ๒๕๖๖  ดูทรงแล้วบิ๊กตู่คงไม่อยู่ขอทำสถิติจบครบวาระคาเก้าอี้ ๒ สมัยแน่  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นส.ส.จะเจอ “เดดล็อค” ตายห่าทางการเมืองกันพอดีเพราะย้ายพรรคไม่ทันภายใน ๙๐ วันก่อนเลือกตั้ง    ยังไงบิ๊กตู่ก็ต้องยุบสภาก่อนเพื่อปลดล็อคให้งูเห่าได้ย้ายบ้าน  มีเวลาให้บรรดาส.ส.หรือผู้แทนได้เลือกทางเดิน ตรงนี้กฎหมายก็จะหยวนๆ ให้ว่าหากมีการยุบสภาส.ส.จะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน  พอจะมีเวลาให้ลืมตาอ้าปากกันได้บ้าง   ถึงตอนนั้นถ้าพี่ๆม็อบสายชุมนุมเผาบ้านผลาญเมืองถ้าไม่ชอบบิ๊กตู่ก็ไม่ต้องเลือกกลับมาเป็นนายกฯ   อดใจรอเวลาอีกนิดจะรีบร้อนวิชาออกมาเผาบ้านเผาเมืองกันทำไม

บิ๊กตู่แกไม่ตกใจแกไม่ขวัญเสียหรอกหนักกว่านี้แกก็เจอมาเยอะแล้ว คนที่เหงื่อท่วมคอแห้งก็ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ที่ชื่อ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” นู้น  ทำลายข้าวของภาษีของคนกรุง ทำรถติด ทำชาวบ้านขวัญเสีย เดือดร้อนกันไปทั่ว  ออกมาเรียกร้องด้วยวิธีหาเรื่องตำรวจไขว้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง   ตรงสามเหลี่ยมดินแดงหรืออนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วยการทำผิดกฎหมายแบบนี้  แรงกดดันน่าจะไปถึงนายกฯน้อยแต่ไปถึงชัชชาติผู้ว่าฯสายไลฟ์สดแบบเต็มๆ มากกว่า  เพราะประกาศนโยบายให้ท้ายม็อบอำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุม   ไล่นายกฯต้านรัฐบาลไม่มีใครว่าแต่มาทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านทำลายข้าวของทางราชการ ใช้อาวุธสิ่งของทำร้ายตำรวจแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่  ไอ้ที่ตั้งใจจะหาแนวร่วมระวังจะมีแต่คนเกลียด ไอ้ที่อยากให้อยู่สั้นระวังจะอยู่ยาว  นับถอยหลังปีสุดท้ายของพล.อ.ประยุทธ์ ต้องบอกว่าหนักหนาสาหัสจริงๆ เศรษฐกิจถดถอย น้ำมันทะยานไม่หยุด ข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อพุ่ง  รายได้คนในกระเป๋าลดลง การเมืองรุมเร้า ชุมนุมกลับมานับหนึ่ง  เอาใจช่วยพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลเรือแป๊ะจริงๆ สารพัดปัญหาพะเรอเกวียนยาวเป็นหางว่าวรอให้ท่านสะสาง ปลดทุกข์ให้คนไทยได้สำเร็จ  นำพาบ้านเมืองให้ก้าวไกลไปข้างหน้า

///////////////////////

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ดร.สามารถ" กระตุก "สุริยะ" เอาไงต่อ "มาตรการสมุดพก" คุมก่อสร้างพระราม 2 ไม่ได้ผล
"วิศวกร" เร่งประเมินก่อนเคลื่อนย้ายคานก่อสร้างทางยกระดับ พระราม 2 หลังพังถล่มทับคนงานเสียชีวิตพุ่ง 5 ราย
"ทนายความ" เข้าเยี่ยม "สามารถ" อัปเดตอาการหลังอดอาหาร พร้อมหารือหนทางการต่อสู้คดี
อธิบดีฯ วิศิษฐ์ นำคณะ ลงพื้นที่ภาคเหนือ เปิดโครงการมอบไออุ่นให้น้องบนดอยสูง ประจำปี 2567 มอบโอกาสทางการศึกษา ผลักดันกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนในโรงเรียนทั่วประเทศ
รรท.ผช.ผบ.ตร. รับ-มอบหน้าที่ รรท.ผบช.ภ.2
“อนุทิน” พร้อม “ซาบีดา-ธีรรัตน์” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์-ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยนราธิวาส กำชับผู้ว่าฯดูแลปชช.
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมันคงจังหวัดจันทบุรี แถลงข่าว ตรวจยึดอุปกรณ์ รับ-ส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม
ส่องแนวคิดทูตพิเศษรัสเซีย-ยูเครน ที่ทรัมป์แต่งตั้ง
ปูตินขู่ยิงมิสไซล์รุ่นใหม่ถล่มเมืองหลวงยูเครน
“ภรรยาทนายตั้ม” ลุ้นประกัน เครียด-ร้องไห้กลางศาล อึ้ง 20 วันไม่เคยเจอหน้าลูก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น