ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 15 มิถุนายน 2565 นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดการอบรมพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ เพื่อประเมินติดตาม ตรวจเฝ้าระวังสถานที่ปลูกกัญชา และกัญชงตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ซึ่งกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุขจัดขึ้น ที่ห้องประชุมไตรลักษณ์ สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเพิ่มความเข้าใจกฎหมายใหม่ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากมีการปลดล็อกกัญชา และกัญชงออกจากยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 โดยมีนายกฤช โชติการณ์ เภสัชกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข จากโรงพยาบาลและสำนักงานสาธารณสุขทุกอำเภอใน จ.กาฬสินธุ์เข้าร่วม
นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ภายหลังมีการปลดล็อกกัญชา และกัญชง ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทำให้กัญชา และกัญชงไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 พ.ศ.2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นมา โดยมีเนื้อความว่า สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชา กัญชงจัดเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ยกเว้น สารสกัดที่มาจากเมล็ดที่ปลูกภายในประเทศ และสารสกัดที่มาจากส่วนต่างๆของพืชกัญชา กัญชง ที่มีปริมาณ THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการปลูก ครอบครอง นำเข้า ส่งออก จำหน่วยชิ้นส่วนของพืชกัญชา กัญชง สามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ทางอย.ขอให้ประชาชนที่มีความประสงค์ปลูกดำเนินการจดแจ้งรายละเอียดการปลูกผ่านแอพพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” ซึ่งการอบรมในวันนี้ถือเป็นการเพิ่มความเข้าใจกฎหมายใหม่และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากมีการปลดล็อกกัญชา และกัญชงออกจากยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ให้กับเจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุขทุกอำเภอ เป็นการพัฒนาศักยภาพ เพื่อพร้อมประเมินติดตามตรวจเฝ้าระวังสถานที่ปลูกกัญชา กัญชง ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด
นพ.อภิชัย กล่าวต่อว่า สำหรับวัตถุประสงค์หลักที่มีการปลดล็อกกัญชา กัญชงนั้นจะนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์ รวมถึงมาช่วยในเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งนี้ปัจจุบันยังคงมีข้อห่วงใยอยู่ เนื่องจากอาจจะบางรายไม่ได้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ หรือใช้ในทางเศรษฐกิจ และใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะการใช้สูบ เพื่อสันทนาการ หรือเพื่อความบันเทิง ซึ่งไม่เป็นไปตามจุดประสงค์ของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งอาจเสี่ยงทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายและเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น กลุ่มเปาะบาง เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือหญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งกลุ่มที่มีปัญหาโรคทางจิตอยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องห้ามใช้กัญชา โดยเฉพาะการใช้สูบในด้านสันทนาการ สำหรับพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ปัจจุบันยังไม่ได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงจากการใช้กัญชามารักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงพี่น้องประชาชน กัญชาต้องใช้ในทางการแพทย์และใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ดี เช่น ใช้กัญชาอย่างปลอดภัยและเหมาะสม ใช้เพื่อรักษาโรคอยู่ภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ แต่หากใช้ในทางที่ผิดวิธี ทั้งการสันทนาการ และใช้เพื่อบันเทิง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เป็นผลเสียต่อสุขภาพได้ รวมทั้งผิดพ.ร.บ.ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ.
ภาพ/ข่าว ชมพิศ ปิ่นเมือง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.กาฬสินธุ์