การเมืองนับถอยหลังปีสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งทั่วไป เริ่มคึกคักขึ้นมาตามลำดับ ไม่ว่ารัฐบาลหรือฝ่ายค้านต่างก็ต้องเตรียมตัวช่วงชิงความได้เปรียบเพื่อเข้าสู่การมีอำนาจ ล่าสุดพรรคเพื่อไทยของนักโทษหนีคดีคนแดนไกลที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ดูเหมือนจะลุกขึ้นมาปรับลุคพรรคปรับปรุงโครงสร้างภายในขนานใหญ่มากกว่าใครเพื่อน โดยเฉพาะเมื่อนายห้างใหญ่ตัดสินใจส่งลูกสาวคนสุดท้อง อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลงเล่นการเมือง ก่อนทยอยขยับศักดิ์เรื่อยมา ไล่ตั้งแต่ประธานที่ปรึกษาการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมก่อนขยับมาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และอนาคตไม่แคล้วต้องมีชื่ออยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยหมายเลข ๑ เป็นคนแรกอย่างแน่นนอน แต่ถึงแม้จะเปิดตัวอุ๊งอิ๊งมาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ ณ ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ จ.ขอนแก่น แต่ดูเหมือนตลอด ๗ เดือนเศษที่ผ่านมาเวลาไปต่างจังหวัดดูเหมือนกระแสตอบรับยังไม่คึกคักคึกครื้นเท่าที่ควร กระแสความนิยมชมชอบของชาวบ้านในตัวอุ๊งอิ๊งยังไม่ดีเท่าที่ควร
เอาง่ายๆถ้าเทียบกับ “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระที่เคยอยู่พรรคเพื่อไทยแล้วไปสมัครผู้ว่าฯกทม. ก็ต้องบอกว่าผู้คนที่มารุมล้อมมาชื่นชมอุ๊งอิ๊งยัง “หลวม” ยังไม่แน่นใกล้เคียงกับ “ชัชชาติ” ล่าสุดไม่รู้ทักษิณกลัวลูกสาวจะเป๊กออกลูกฝืดหรืออย่างไร จึงต้องส่งคนกลับไปง้อไปตามตัวข้าเก่าเต่าเลี้ยงอย่าง “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง กลับมาช่วยงานพรรคมาเป็นแบ็กอัพให้กับลูกสาว แถมงานนี้อวยยศกันเต็มที่ถึงขนาดประเคนตำแหน่ง “ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย” ให้ทั่นเต้นได้มีหน้ามีตาในพรรค ใหญ่โตชนิดไม่เป็นสองรองใคร ขนาดเปิดตัวว่าจะกลับมา เพจพรรคเพื่อไทยยังโหมโรงยกหางกันเต็มที่ด้วยแบนเนอร์คำพูดสารพัดครั้งที่เจ้าตัวเคยพ่นออกมา “ตลอด ๒๐ ปีที่ครอบครัวเราได้ก่อร่างขึ้นบนเส้นทางการเมือง เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย หลายคนยังอยู่ หลายคนจากไป และบางครั้ง หลายคนกลับมา” หรือ “ เขาคนนี้ เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข เขาคนนี้ ร่วมต่อสู้บนถนนประชาธิปไตยเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องประชาชน เขาคนนี้ ไม่เคยละทิ้งอุดมการณ์ที่ว่าอำนาจสูงสุดอยู่ที่พี่น้องประชาชน คนเท่ากัน ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๕ ชวนทุกคนต้อนรับ เขา กลับบ้าน”
ภารกิจหลักที่พรรคเพื่อไทยมอบหมายให้ณัฐวุฒิในคราวนี้ก็คงหนีไม่พ้นการใช้ “ปาก” ทำงานที่เป็นงานถนัดสุดของณัฐวุฒิ โดยจะรับผิดชอบเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันนำคาราวานเพื่อไทยเดินสายทุกจังหวัดทั่วประเทศ ด้านหนึ่งก็ดึงชาวบ้านหน้าใหม่เข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย อีกด้านก็จะไปปลุกคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดขอคะแนนแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้ลุกขึ้นมาสนับสนุนอุ๊งอิ๊งหนุนลูกสาวนายห้างให้เป็นนายกฯตามใบสั่งกดปุ่มจากดูไบ ณัฐวุฒิเตรียมประเดิมบทบาทผอ.โครงการครอบครัวเพื่อไทยครั้งแรกที่ จ. ศรีสะเกษ ๑๘ มิ.ย.นี้ กำหนดธีมภายใต้ชื่องาน “ครอบครัวเพื่อไทยบุกศรีสะเกษ ไล่หนู ตีงูเห่า” ย้อนเกล็ดพรรคภูมิใจไทยที่มาตกปลาในบ่อเพื่อน วาง “งูเห่า-งูฝาก” ไว้ในพรรคช่วงโหวตอภิปรายงบประมาณปี ๒๕๖๖ โดยจะจัดกิจกรรมพบปะพี่น้องประชาชน รวมทั้งเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ใน ๓ อำเภอ คือ อ.อุทุมพรพิสัย อ.ราษีไศล และ อ.ขุนหาญ ซึ่งเป็นพื้นที่ของส.ส.งูเห่า ๓ คน ที่โหวตสวนมติพรรคไปล่าสุด อย่าง จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ , ธีระ ไตรสรณกุล และ ผ่องศรี แซ่จึง เรียกว่าแก้เผ็ดแก้ลำส.ส.แหกมติพรรคเอาคืนกันทันที
“เราเสียเวลามามากกับเผด็จการ เราต้องระดมทุกคนที่มีจิตใจประชาธิปไตย รักในประชาธิปไตยกลับมาอยู่รวมกัน ณ ที่แห่งนี้ เราล้าหลังไปมากเพราะเผด็จการ ถ้าดูประเทศอื่นๆรอบข้างก็จะเห็นว่าของเราไม่ทันเขา เราล้าหลังไปมากจริงๆ วันนี้ดิฉันรู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมากว่าพี่เต้น หรือคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ของพวกเราจะเป็นอีกหนึ่งแรงที่สำคัญมากๆที่จะทำให้บ้านเราหลังนี้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น พี่เต้นจะเป็นกำลังสำคัญในการที่จะทำให้พี่น้องทุกคนได้กลับมาอยู่บ้านของเรา ที่เราต้องพูดเเลนด์สไลด์ทุกที่เพราะเราอยากให้ฝั่งประชาธิปไตยเป็นผู้ชนะ พี่เต้นไม่เพียงแต่รู้จักพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี แต่พี่เต้นยังเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนอย่างลึกซึ้ง” อุ๊งอิ๊งอธิบายเหตุผลที่ต้องดึงณัฐวุฒิกลับมา
ขณะที่ฝ่ายณัฐวุฒิชี้แจงเหตุผลที่กลับมาตายรัง “ไม่ว่าเวลาไหนสถานการณ์ใดก็ยังเป็นคนเสื้อแดง แต่จากบทบาทหน้าที่หลังจากนี้อยากให้ทุกคนเข้าใจว่านี้ไม่ใช้เวทีเสื้อแดง นี้เป็นเวทีของครอบครัวเพื่อไทยที่จะเดินหน้าทำงานคู่ขนานกับพรรคเพื่อไทย ต่อสู้ทางการเมืองต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง ช่วงชิงอำนาจรัฐจากฝ่ายเผด็จการกลับคืนสู่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย …..เชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าถ้าจะมีพรรคใดพรรคการเมืองหนึ่งได้คะแนนเสียงเกินครึ่งแบบแลนด์สไลด์ นั่นคือ พรรคเพื่อไทย ผมเททั้งหัวใจเพื่อภารกิจนี้ และจะทำสุดความสามารถ เพื่อชัยชนะของพรรคเพื่อไทย” ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยกล่าว ท่ามกลางแกนนำพรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มนปช.หลายคนที่เดินทางมาให้กำลังใจ อาทิ จาตุรนต์ ฉายแสง , ภูมิธรรม เวชยชัย , ชัยเกษม นิติสิริ , วีระกานต์ มุสิกพงศ์, ก่อแก้ว พิกุลทอง ฯลฯ นายใหญ่ชวนเต้นมาช่วยอุ๊งอิ๊งสานฝันเป็นนายกฯ หวังให้เต้นใช้ความปากดี ประสบการณ์บนเวทีเสื้อแดง ผสมคารมแพรวพราวทางการเมืองปูทางให้ลูกสาวได้เป็นนายกฯ หวังตามรอยโมเดล “นารีขี่ม้าขาว” ที่อดีตเคยผลักดัน “คุณนายปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากซีอีโอบ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บ.เอสซี แอสเสท คอปอร์เรชั่น ลงหาเสียงเลือกตั้งเพียง ๔๙ วัน ก่อนได้รับเลือกให้เป็นนายกฯหญิงคนแรกของไทย อย่างน้อยเวลาคาราวานครอบครัวเพื่อไทยไปต่างจังหวัด มีจำอวดหน้าม่านอย่างเต้นมาแสดงก็คงพอเรียกคนมาฟังเรียกชาวบ้านมาชุมนุมได้มากโขอยู่
ไม่ใช่แค่ทักษิณที่ลุกทางการเมืองคนเดียวเท่านั้น หากแต่ล่าสุดผู้นำรัฐบาลอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯก็เริ่มขยับทางการเมืองให้เห็นอย่างมีนัยยะเช่นกัน ล่าสุดวานนี้ ๑๔ มิ.ย. ก่อนหน้าประชุมครมบิ๊กตู่สั่งเรียกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมแกนนำพรรคที่เป็นรัฐมนตรีทั้งหมด รวมถึง “หมอตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เข้าไปหารือในห้องรับรอง ก่อนมีข่าวหลุดออกมาในทำนองว่านายกฯอยากฟังความเห็นพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องกฎหมายลูกก่อนจะพิจารณาวาระ ๒ และ ๓ ในสัปดาห์หน้า “ เรื่องกฎหมายลูก มีการพูดคุยกันว่าจะเอาอย่างไรดี โดยเฉพาะประเด็นเรื่องคุณสมบัติของสมาชิกพรรคและคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.ว่าผู้ที่เคยต้องโทษจะมาเป็นสมาชิกพรรคได้หรือไม่ ส่วนเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีการเสนอแนะว่าจะทำอย่างไรเพื่อที่จะให้พรรคเล็กๆ มาช่วยโหวตให้ และยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะใช้สูตรหารด้วย ๕๐๐ หรือ ๑๐๐ ” แหล่งข่าวระบุ
อ่านความตามนี้ก็ต้องบอกว่าบิ๊กตู่คงนิ่งเฉยไม่ไหวแล้ว เพราะสัปดาห์หน้า ๒๓-๒๔ มิ.ย.ก็จะถึงวันพิจารณาวาระ ๒ และ ๓ ของกฎหมายลูก ๒ ฉบับแล้ว ชี้เป็นชี้ตายคิดคะแนนเลือกตั้งในอนาคต จะไปทางไหนจะเอาอย่างไรก็ต้องเร่งทำบนพื้นฐานผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง อย่าลืมว่าในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ทั้ง ๒ ฉบับก่อนหน้านี้ ผลโหวตออกมากมธ.เสียงข้างมากส่วนใหญ่หนุนใช้สูตร ๑๐๐ หาร ถึง ๓๒ คน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นกมธ.สายครม. ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ และบรรดาพรรคใหญ่ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน ส่วนที่งดออกเสียง ๒ คน ประกอบด้วย สาธิต ในฐานะประธานกมธ. กับ ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว.
แต่ที่ไม่เห็นด้วยกับสูตรนี้ ๑๑ คน โดย ๒ คนที่ว่าคือ ๑.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. ในสัดส่วนพรรคเสรีรวมไทย และ ๒. “หัวหอกพรรคเล็ก” อย่าง นพ.ระวี มาศฉมาดล พรรคพลังธรรมใหม่ ส่วนที่เหลืออีก ๙ เสียงที่ไม่เห็นด้วยล้วนเป็น ส.ว.ทั้งหมด แถมยังเป็นกลุ่มส.ว.สายบิ๊กตู่ไม่ก็เพื่อนร่วมลุ้นตท.๑๒ ของพล.อ.ประยุทธ์ ล้วนๆ ประกอบด้วย พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์,กาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์, พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ, สุวรรณี สิริเวชชะพันธ์, วรารัตน์ อติแพทย์, ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม, พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์, กิตติ วะสีนนท์ และ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ดูทรงจากรูปการณ์ในอดีตจากที่ก๊วนส.ว.สายพล.อ.ประยุทธ์บอยคอตสูตร๑๐๐ หาร ก็ชัดเจนว่าฝ่ายบิ๊กตู่ต้องการ ๕๐๐ หาร ส่วนฝ่าย ๑๐๐ หารก็มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นคนหนุน รวมถึงพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ที่เลือกใช้สูตรนี้มาตลอด ทั้งๆที่หลายคนค้านหัวชนฝาว่าสูตร ๑๐๐ หารจะไปเข้าทางทักษิณจะไปตรงใจพรรคเพื่อไทยจะง่ายต่อการแลนด์สไลด์ของโทนี่ ที่ไม่ว่าใครจะไปอธิบายไปชี้แจงรายละเอียดเทียบจำนวนส.ส.ให้เห็นกับตาอย่างไร
ลุงป้อมก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าเอาสูตร ๑๐๐ ไม่เอาหาร ๕๐๐ อนาคตพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งอุ๊งอิ๊งจะได้เป็นนายกฯทักษิณจะได้กลับบ้านเหยียบแผ่นดินแบบเท่ห์ๆ ลุงป้อมก็ไม่สนสี่สนแปดไม่นำพาที่จะรับฟัง เวรกรรมประเทศไทยมีจริงเพราะมีผู้นำแข็งแกร่งแต่ดันมีลูกพี่ห่วยแตก กี่ครั้งกี่เรื่องกี่หนแล้วที่พล.อ.ประวิตรทำให้นายกฯเสื่อมความนิยมรัฐบาลสูญสิ้นศรัทธาจากประชาชน รอบนี้ถ้ายังปักหมุดยืนกรานเอาสูตร ๕๐๐ หารไม่ฟังเสียงคนรอบข้างที่ห่วงใย แพ้เลือกตั้งขึ้นมาบ้านเมืองกลับไปอยู่ในมือทักษิณ รัฐบาลกลับไปเป็นของพรรคเพื่อไทย อุ๊งอิ๊งนายกฯโทนี่กลับบ้านลุงป้อมจะรับผิดชอบความเสียหายแตกแยกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไร หวังใจว่ารอบนี้บิ๊กตู่จะหักพี่ป้อม เพราะความเป็นไปของบ้านเมืองในอนาคตสำคัญกว่าการตามใจลูกพี่ใหญ่รวมถึงการเอาใจพรรคร่วมรัฐบาล ไม่รู้พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าใช้สูตร ๑๐๐ หาร จะล้มทักษิณบล็อกเพื่อไทยได้ ใช้สูตร ๕๐๐ หาร ยังมีเวลาให้นายกฯตัดสินใจ ในวาระ ๒ และ ๓ คว่ำสูตร ๑๐๐ หาร หยิบ ๕๐๐ มาแทน เอาพรรคเล็กมาแบ่งเค้ก เอาแนวคิดส.ส.พึงมีมาทอนผู้แทนจากพรรคใหญ่ โอกาสชนะยังพอมีหวัง แต่ถ้าเดินตามสูตร ๑๐๐ หาร ม้วนเสื่อกลับบ้านได้เลย รอบนี้ชี้เป็นชี้ตายตัดสินใจผิดชงสูตรคิดคะแนนพลาดเลือกตั้งพ่ายแพ้ อนาคตไม่แคล้วบิ๊กตู่ตัวนายกฯเองนั้นแหละระวังจะโดนเขากลับมาเช็คบิล
////////////////////////