"กัญชา" ทำพิษ หลายคนมึนเมาหนักจากการทานอาหารที่มีส่วนผสม ชาวเน็ตสุดงง ตกลงทำอาหารได้จริงไหม อ.เจษฎ์ ยืนยันทำได้จริง แนะ 8 ข้อควรรู้ก่อนทำอาหาร
ข่าวที่น่าสนใจ
“กัญชา” ยังคงเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตยังคงถกเถียงอยู่เนื่อง โดยเฉพาะเมนูอาหารที่พืชดังกล่าวลงไปเป็นส่วนผสม เผยหลายเคสมีอาการมึนเมาเหมือนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชาวเน็ตสงสัย สรุปกินได้จริงไหม? ล่าสุด อ.เจษฎ์ หรือ หรือ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ออกมาเผยข้อมูลชัด ๆ ชี้แจงผ่านเพจ Facebook อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ โดยระบุว่า
หลังจากที่กัญ ชาถูกปลดออกจากรายชื่อสิ่งเสพติดของประเทศไทยไปแล้ว และมีคนนำมาอุปโภคบริโภคกันมากขึ้น โดยเฉพาะในการนำมาประกอบอาหาร จนทำให้เริ่มมีข่าวของผู้ที่รับประทานอาหารที่ใส่กัญ ชาลงไปแล้วเกิดอาการป่วย ตั้งแต่ไม่มากไปจนถึงกับรุนแรง ตามแต่ระดับการแพ้ของแต่ละคน เลยขอสรุปข้อแนะนำจากทางศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) ที่เกี่ยวข้องกับการนำมาประกอบอาหารและเครื่องดื่ม ดังต่อไปนี้ครับ
- ไม่ควรใช้ ช่อดอกกัญชา เพราะ มีสาร THC ทีเอชซี ที่ฤทธิ์มึนเมาสูง รวมทั้งไม่ควรใส่ส่วนอื่น เช่น กิ่ง ก้าน ลำต้น ราก ลงไปด้วย (ให้ใช้แต่ใบเท่านั้น)
- อาหารประเภท ต้ม ผัด แกง ทอด ให้ใช้ใบสด ใส่ได้ไม่เกิน 1-2 ใบ/เมนู เพราะ ถ้าใช้มากเกินไป จะมีผลข้างเคียงหรือนำไปสู่การเสพติดได้
- ร้านค้าที่ประกอบอาหาร หรือทำผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสม ต้องเขียนบอกผู้บริโภคให้ชัดว่า อาหารนั้นมีกัญ ชาเป็นส่วนประกอบ เพราะ มีหลายคนที่แพ้ และไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบรสชาติ
- ห้ามไปโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่าอาหารที่ใส่กัญ ชานั้น มีสรรพคุณรักษาหรือป้องกันโรคได้ ถ้าไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ที่รักษาโรคด้วยกัญ ชา
- เด็ก เยาวชน คนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี สตรีมีครรภ์และให้นมลูก ไม่ควรกินอาหารที่มีส่วนผสมเพราะ เสี่ยงที่จะได้รับอันตรายต่อสุขภาพ
- คนที่แพ้สาร THC หรือแม้แต่สาร CBD หรือสารอื่น ๆ ในกัญ ชา จะต้องไม่บริโภค เพราะ อาจจะเสี่ยงอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้
- คนที่บริโภคไปแล้ว ไม่ควรขับขี่รถ หรือทำงานกับเครื่องจักรกล เพราะ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน
- หากจำเป็นต้องกินหรือใช้กัญ ชา ควรจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการใช้กัญ ชาในรูปแบบสูบ เพราะ ควันจาก “กัญชา” เป็นอันตรายกับปอดและระบบทางเดินหายใจ
- หลีกเลี่ยงการใช้ ช่อดอก กัญ ชา เพราะ มีสาร delta-9-THC ความเข้มข้นสูง ทำให้เกิดพิษต่อสมอง จิตประสาท ระบบการเคลื่อนไหว และทำให้เกิดการดื้อต่อสารหรืออาการเสพติดได้
- คนที่มีโรคประจำตัวทางกายและใจ ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะ อาจกระตุ้นทำให้โรคมีอาการมากขึ้น หรือไปทำอันตรกิริยากับยารักษาโรคที่ใช้อยู่ จนกระทบกับการรักษาได้
- หากต้องการครอบครอง เช่น ปลูก ขาย หรือไว้ใช้ในครัวเรือน ควรจดแจ้งให้ถูกต้อง และเก็บต้นกัญ ชาให้พ้นสายตาคน โดยเฉพาะเด็ก-เยาวชน
- ให้ครู ผู้ปกครอง ทำความเข้าใจกับเด็กและเยาวชน ถึงผลกระทบด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช้อารมณ์ เพราะ จะยิ่งกระตุ้นให้อยากลองใช้
- งานวิจัยพบว่า กัญ ชามีผลกระทบกับสมอง ทำให้เด็ก-เยาวชน มีความสามารถทางสติปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ลดลง โดยมักเกิดจากการใช้ในรูปแบบสูบ หรือใส่ผสมอาหารเป็นปริมาณมากเกิน
- มีผลกระทบระยะสั้น เช่น มึนเมา ใจเต้นแรง ความดันต่ำหรือสูงเกินไป อารมณ์แปรปรวน คลื่นไส้ อาเจียนฯ
- มีผลกระทบระยะยาว เช่น หากใช้เกิน 2-3 ปีขึ้นไป เพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคจิตเภท สมาธิสั้น ความคิด ความจำแย่ลงฯ
- สาร THC (Tetrahydrocannabinol) เป็นสารเสพติด มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท หากไม่ควบคุม จะทำให้อยากใช้มากขึ้น
- องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันพบว่าใน ใบสดของกัญ ชา จะพบสาร cannabidiolic acid (CBDA) และ Tetrahydrocannabinolic acid (THCA) ซึ่งไม่มีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ไม่เมา)
- แต่เมื่อถูกแสงและความร้อน ทั้งจากการปรุงและเก็บรักษา จะเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลง (decarboxylation) โดยสาร THCA จะถูกเปลี่ยนเป็นสาร THC (ที่ทำให้เมา)
- มีการศึกษาพบว่า หากใช้ความร้อน 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง หรือ 98 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 ชั่วโมง หรือ 160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที หรือ 200 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1-2 วินาที สาร THCA จะถูกเปลี่ยนเป็นเป็นสาร THC อย่างสมบูรณ์
- การสูบ จะทำให้สาร THCA จะถูกเปลี่ยนเป็นสาร THC ประมาณ 95% ใบกัญ ชาแห้งที่ถูกเก็บไว้ สาร THCA จะถูกเปลี่ยนเป็นสาร THC อย่างช้า ๆ
ข้อมูล : อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ และศูนย์นวัตกรรมแพทย์แผนไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง